นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ตามนโนบายรัฐบาลในการจัดพื้นที่ค้าขายให้กับประชาชนในชุมชนเพื่อลดความเหลื่อล้ำของสังคม และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยธนารักษ์ได้ดำเนินการผ่าน “โครงการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ ซึ่งเป็นการจัดหาพื้นที่จำหน่ายสินค้า เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยมีรูปแบบเป็นห้องประชุมอเนกประสงค์ และเป็นพื้นที่จัดตลาดชุมชนให้กับประชาชนในพื้นที่ และเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในชุมชน สำหรับการจัดโครงการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมฯเริ่มครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน กส.63 ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นการนำที่ราชพัสดุมาเป็นสถานที่สำหรับประชุม และเป็นตลาดแห่งใหม่ ให้กับประชาชนในท้องที่ ได้นำสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่าย เป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชน และชุมชน ซึ่งภายหลังจากการจัดทำโครงการดังกล่าว สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนเป็นเงิน 50,000 – 80,000 บาท ขณะที่วันที่ 29 ต.ค. 2562 กรมธนารักษ์จะลงพื้นที่ จัดโครงการดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 บนพื้นที่แปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ. 848 บริเวณองค์การบริหารส่วน.ตะปาน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และวันที่ 5 พ.ย. 2562 เป็นครั้งที่ 3 บนพื้นที่แปลงหมายเลขทะเบียน จ.209 ชุมชนบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี โดยจะมีการจัดจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรของชุมชนสินค้า OTOP ผลิตภัณฑ์ชุมชนและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้าน นายยุทธนา กล่าวว่า นอกจากนี้ภายในเดือนพ.ย.2562 กรมธนารักษ์จะดำเนินโครงการเปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมฯ อีกจำนวน 18 จังหวัด อาทิ นนทบุรี สิงห์บุรี นครนายก กาญจนบุรี เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี พังงา สตูล จันทบุรี เชียงราย นครสวรรค์ และลำปาง และในปีงบประมาณ 2563 จะเร่งดำเนินการตามโครงการดังกล่าวให้ครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ “เป็นการส่งเสริมให้หน่วยงานราชการจัดประชุมในพื้นที่ของราชการ ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์บนที่ดินราชพัสดุอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ให้มากขึ้น ซึ่งกรมธนารักษ์จะเป็นหน่วยงานตัวอย่างที่ดำเนินการโครงการดังกล่าวอย่างจริงจัง” ส่วนของนโยบายการมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ กรมธนารักษ์ได้เร่งรัดทำสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้กับประชาชนโดยดำเนินการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุตามโครงการธนารักษ์ประชารัฐให้กับประชาชนจำนวน 300 ราย ประกอบด้วยสัญญาเช่าเพื่อการเกษตร 251 ราย และสัญญาเช่าเพื่ออยู่อาศัย 43 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และในสัปดาห์หน้ากรมธนารักษ์จะมอบสัญญาเช่าให้กับประชาชนในจังหวัดกาญจนบุรี อีกจำนวน 141 รายโดยเป็นสัญญาเช่าเพื่อการเกษตร