นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากที่มีการรายงานข่าวว่าขณะนี้มีชาวนาในพื้นที่ภาคใต้ที่เข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวร้องเรียนว่าหลังจากมีการโอนเงินส่วนต่างประกันรายได้ข้าวเปลือกให้ชาวนาเมื่อวันที่ 15 ต.ค.2562 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้โอนเงินเข้ามายังบัญชีจริง แต่หลังจากนั้นเงินถูกดึงกลับไปในทันที กระทรวงพาณิชย์ขอชี้แจงว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้เห็นชอบรายละเอียดโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้ ธ.ก.ส. สำรองจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ให้เกษตรกรวงเงิน 20,940.84 ล้านบาท ซึ่งโครงการฯ กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้มีสิทธิได้รับการชดเชย และระยะเวลาที่จะใช้สิทธิขอชดเชยไว้ โดยเกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับการชดเชย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1 กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างที่ 1 เมษายน – 31 ตุลาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2562 – 28 กุมภาพันธ์ 2563 ทั้งนี้ กรอบระยะเวลาการขึ้นทะเบียนในแต่ละพื้นที่ให้เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิง รายละเอียด วิธีการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงและระยะเวลาที่จะใช้สิทธิขอชดเชยระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2562 – 28 กุมภาพันธ์ 2563 ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 พฤษภาคม 2563 โดยสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่เก็บเกี่ยวเป็นต้นไป ยกเว้น เกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่กำหนดให้ใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่เริ่มโครงการ ทั้งนี้ มอบหมายให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็นผู้พิจารณากำหนด สำหรับกรณีดังกล่าว ธ.ก.ส. ประมวลผลข้อมูลเพื่อสำรองจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างรายได้โดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากเกษตรกร ครั้งที่ 1 ในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 เพื่อเร่งจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ได้รับการชดเชยรายได้ 349,392 ราย จำนวนเงิน 9,413,244,883.40 บาท การโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรมีเกษตรกร ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในภาคใต้ได้รับการโอนเงินรวมอยู่ด้วย เมื่อธนาคารตรวจพบจึงได้ดำเนินการโอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากเกษตรกรดังกล่าวในวันเดียวกันเพื่อสอบทานความถูกต้องให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์โครงการฯ ที่ ครม. กำหนด เพื่อให้เกิดความรัดกุม ป้องกันปัญหาเกษตรกรได้รับเงินชดเชยส่วนต่างก่อนระยะเวลาที่โครงการฯ กำหนดไว้ และสาขาต้องติดตามทวงถามเงินคืนจากเกษตรกรในภายหลัง ส่งผลให้บัญชีเงินฝากของเกษตรกร จำนวน 2,473 ราย มีรายการเคลื่อนไหว มีเงินโอนเข้าและโอนออกจากบัญชีเงินฝากในจำนวนที่เท่ากันในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้ชี้แจงว่าการสอบทานข้อมูลเกษตรกรที่ธนาคารโอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของเกษตรกร จำนวน 2,473 ราย ธนาคารพบมูลเหตุและแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรก คือ เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ตามโครงการฯ กำหนดระยะเวลาที่จะใช้สิทธิ์ขอชดเชยส่วนต่างได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 31 พฤษภาคม 2563 แต่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2562/63 รอบที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2562 เป็นต้นมา และแจ้งข้อมูลวันเก็บเกี่ยวข้าวก่อนวันที่ 16 ตุลาคม 2562 และกลุ่มที่สอง คือ เกษตรกรที่มีภูมิลำเนาในเขตจังหวัดภาคใต้แต่เปิดบัญชีเงินฝาก ธ.ก.ส. ไว้ในจังหวัดภาคอื่น ๆ ซึ่งธนาคารพิจารณาแล้วเห็นว่าเกษตรกร ทั้ง 2 กลุ่ม เป็นผู้มีคุณสมบัติได้รับสิทธิ์รับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการฯ ได้ในรอบการโอนเงินวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ธนาคารจึงได้ดำเนินการ โอนเงินชดเชยส่วนต่างเข้าบัญชีเงินฝากให้เกษตรกรทุกราย จำนวน 2,473 ราย เสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562