วันที่ 26 ต.ค.2562 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปตรวจติดตามการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยรับฟังการบรรยายสรุปจาก ศอ.บต. ณ ศูนย์ราชการ จชต. อ.เมือง จ.ยะลา โดยภาพรวมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความก้าวหน้าเป็นรูปธรรมอย่างมากในทุกมิติ ทั้งการปรับโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาและส่งเสริมอาชีพท้องถิ่นทั้งการประมงและการเกษตร การพัฒนาพลังงานทดแทน การขับเคลื่อนธุรกิจฮาลาล การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็กและเยาวชน การส่งเสริมเยาวชนสู่นวัตกรรมและการค้าออนไลน์ การพัฒนาสังคม ที่เน้นสร้างความเข้มแข็งร่วมกันดูแลกลุ่มคนเปราะบางมากขึ้น การดูแลด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะการลดอัตราการเจ็บและตายในเด็ก ด้วยการรับวัคซีนด้วยความเข้าใจ รวมทั้งการท่องเที่ยวที่มีการเข้าถึงวิถีและเศรษฐกิจชุมชน ที่มีการเชื่อมโยงกับท้องถิ่นและต่างประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจและความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนในพื้นที่ มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการผลักดันและส่งเสริมความเข้มแข็งให้เกษตรกรในพื้นที่รวมกลุ่มวิสาหกิจ เพื่อแปรรูปผลิตผลการเกษตรให้เป็นสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมต่อช่องทางตลาดจากทั่วโลกกับพื้นที่ รวมทั้งเชื่อมโยงการพัฒนาที่เกิดขึ้นไปยังโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ใน 3 พื้นที่ ซึ่งมีผลให้ความรุนแรงลดลง สถิติเหตุการณ์และการกระทำผิดลดลงตามลำดับ ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมกำหนดวิถีและการพัฒนาชุมชนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวมดีขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวนำปรารถนาดีและความห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่งกำลังใจมายังพี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยรองนายกรัฐมนตรี ย้ำขอให้ ศอ.บต. เดินหน้างานพัฒนา ไปพร้อมกับงานความมั่นคง โดยให้ขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ ที่เกิดจากการส่งเสริมความร่วมมือ ร่วมใจจากทุกฝ่าย ร่วมกัน สืบสาน รักษาและต่อยอดให้เป็นไปตามพระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการให้โอกาสและคงสิทธิของประชาชนในพื้นที่ให้มีเท่าเทียมกัน ไม่ถูกกดทับจากกลุ่มอิทธิพลใดๆ และให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนในพื้นที่ให้มากที่สุด ควบคู่ไปกับ การขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานสตรีและเด็ก จชต. เพื่อเป็นศูนย์กลางการนำองค์กรที่มิใช่ภาครัฐมาร่วมทำงานกันด้วยความเข้าใจ ทั้งนี้ ขอให้ฝ่ายปกครอง ต้องร่วมดูแลความเป็นธรรมและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่ผ่านมา ที่เน้นประสิทธิภาพและความเข้าใจร่วมกันให้มากขึ้น พร้อมกันนี้ ขอให้ ทส. ศอ.บต.และ มท. โดยเฉพาะฝ่ายปกครองระดับอำเภอและกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต้องทำหน้าที่เป็นกลไกหลัก เร่งผลักดันขับเคลื่อนงานตามแผนงานโครงการสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่มีผลต่อประชาชนโดยตรง ทั้งการจัดสรรเอกสารสิทธิที่ดินทำกินให้สำเร็จ เป็นผลโดยเร็ว เพื่อให้พี่น้องประชาชน มีสิทธิที่เท่าเทียมกัน มีที่ยืนในสังคมและสามารถทำกินกันอย่างเสมอภาค ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ที่ต้องช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มวิสาหกิจในพื้นที่ สู่การแปรรูปสินค้าเบื้องต้นและช่วยหาตลาดรองรับกันอย่างจริงจัง ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการลงนามความร่วมมือ การส่งเสริมการปลูกกาแฟ(ครบวงจร) ในพื้นที่ ระหว่าง ศอ.บต. สภาเกษตรกรแห่งชาติ และบริษัท ปตท.( ธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน) และ เปิดสวนอุตสาหกรรมแห่งแรกใน จชต. (Industrial Park) เพื่อส่งเสริมพัฒนานักธุรกิจรุ่นใหม่ ให้ทำงานร่วมกันด้วยเทคโนโลยีการผลิตในการพัฒนาสินค้าฮาลาล. โดยความร่วมมือจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อยอดไปยังสถาบันการศึกษา ให้จังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถเชื่อมไทยและเชื่อมโลกได้ พร้อมทั้งได้ร่วมมอบพันธ์ไผ่ให้กับตัวแทนเกษตรกรในพื้นที่ ในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนโครงการปลูกไผ่เศรษฐกิจ “พืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต” ที่มีเกษตรกรเข้าร่วมเกือบ 1,000 คน