วันที่ 21 ต.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยเพิ่มเติมจากกรณีที่มีดาราสาวรายหนึ่งโพสวิจารณ์ถึงการทำงานของเจ้าพนักงานจราจร ว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้น ได้รับรายงานว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สังกัด กก.2 กองบังคับการตำรวจจราจร โดยในเบื้อง ตามวันเวลาเกิดเหตุ ได้พบว่าดาราสาวได้ขับรถยนต์มาตามถนน ทางบริษัทขนส่งสาธารณะชื่อดังรายหนึ่งแล้วได้ขับขี่รถ ออกช่องทางด้านซ้ายและเป็นการฝ่าฝืนเส้นทึบ เพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยังเซ็นทรัลลาดพร้าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรได้ทำการโดนเรียกให้หยุดรถและขออนุญาตทำการตรวจสอบว่ามีใบขับขี่หรือไม่ โดยผู้ขับขี่ไม่ได้พกใบมา ดูบัตรประชาชนแทน โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีการกระทำความผิดในข้อหา ฝ่าฝืนเครื่องหมายบนพื้นทาง , ขับรถโดยไม่ใบอนุญาตขับขี่, ไม่แสดงแผ่นป้ายการชำระภาษีประจำปี พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่ออีกว่าจากการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรนายนดังกล่าวนั้น ได้ทำตามขั้นตอนและกรอบของกฎหมาย และได้ออกใบสั่งให้กับผู้ขับขี่ไปแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ไม่รู้จักยี่ห้อรถ จึงได้สอบถามและเดินตรวจสอบ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ขับขี่เสียเวลาบ้าง และรู้สึกไม่พอใจ แต่ไม่ได้มีการเรียกรับทรัพย์สินจากผู้ขับขี่ โดยหากคู่กรณีมีข้อมูลหรือหลักฐานก็สามารถนำมาส่งให้กับทางต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องได้ ที่ กองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งเจ้าหน้าที่อยากให้มาให้ข้อมูล จะได้เกิดความกระจ่าง และเกิดความเป็นนธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งที่ผ่านมามาหากตำรวจทำผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการดำเนินทางวินัยและทางอาญามาโดยตลอดอยู่แล้ว ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับและมีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ผู้บังคับการ ผู้กำกับ หน.หน้าหน่วยในทุกต้นสังกัดทุกพื้นที่ ให้มีการควบคุม ดูแลความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537 ในการ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติและพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายระมัดระวังกิริยามารยาท ในการแสดงออกและขอเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย อย่าลุแก่อำนาจที่ตนมี หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบกระทำด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่าได้กระทำผิดจริงให้ดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด