ใช้หลักธรรมชาติ ทำน้ำหมักชีวภาพใช้แทนปุ๋ย-สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แถมได้สุขภาพดี นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ก.สาธารณสุข กล่าวว่า จากการพบผู้ป่วยด้วยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี ก.สาธารณสุข จึงมีนโยบายเร่งรัดจัดการภัยคุกคามความมั่นคงทางสุขภาพ โดยตั้งเป้าให้ยุติการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่มีอันตรายสูง 3 ชนิด ประกอบด้วย พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส-ไกลโฟเซต ภายในปี 63 ซึ่งกรม สบส.ตระหนักถึงความสำคัญในการจัดการปัญหาภัยสุขภาพดังกล่าว ดังนั้น จึงเชิญชวนพี่น้องอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายสำคัญในการดูแลและสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน ปฏิบัติตนเป็นบุคคลต้นแบบในการ ละ เลิก ใช้สารเคมีในการเพาะปลูกด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ (Organic Farming) ทั้งนี้ อาจจะเริ่มจากในครัวเรือนตนเองก่อนที่จะขยายผลออกไปสู่บ้านใกล้เรือนเคียง และชุมชน ซึ่งการปลูกพืชผักตามหลักเกษตรอินทรีย์จะใช้เศษอาหารจากครัวเรือน หรือพืชผลที่ไม่ได้ใช้มาทำน้ำหมักชีวภาพ เพื่อใช้เป็นปุ๋ยและสารกำจัดศัตรูพืชแทนใช้สารเคมีสังเคราะห์หรือสิ่งที่ได้มาจากการตัดต่อพันธุกรรมร่วมในการเพาะปลูก ทำให้ผลผลิตที่ได้ปลอดสารพิษ ดีต่อสุขภาพเกษตรกรผู้ปลูกและผู้บริโภค อีกทั้งผลผลิตขายได้ราคาสูงกว่าปกติ จึงกล่าวได้ว่าเกษตรอินทรีย์จะช่วยส่งเสริมทั้งรายได้ ลดรายจ่าย และดีต่อสุขภาพผู้ปลูกและผู้บริโภคด้วย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสบส. กล่าวว่า สำหรับผลกระทบจากสารเคมีทางการเกษตรที่มีอันตรายสูง 3 ชนิดนั้น นอกจากจะส่งผลต่อตัวผู้ใช้แล้วยังส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม และบุคคล อาทิ พาราควอต จะส่งผลกระทบต่อปอด โดยถุงลมปอดจะถูกทำลายจากการรับสัมผัสทางการกิน และทางเดินหายใจส่วนบนจะถูกทำลายหากได้รับสัมผัสจากการหายใจ ทำให้ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและเสียชีวิต ส่วนพิษของสารคลอร์ไพริฟอส จะทำให้เกิดการลดลงของไอคิว สูญเสียความทรงจำในการทำงาน รบกวนการทำงานของไทรอยด์ฮอร์โมน ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ หากหญิงตั้งครรภ์มีการสัมผัสสารดังกล่าว อาจมีผลต่อพัฒนาการทางระบบประสาทของเด็กในครรภ์ พิษของไกลโฟเซต สถาบันวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ (IARC) กำหนดให้เป็นสารก่อมะเร็ง(2A) ก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด NHL ทั้งยังเป็นสารที่รบกวนการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ และอาจก่อให้เกิดโรคไตเรื้อรังได้ ซึ่งอสม. สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารความรู้ในเรื่องอันตรายของสารเคมีทางการเกษตรที่มีอันตรายสูง 3 ชนิด ผ่านทางแอพพลิเคชัน ของอสม. และสามารถนำข้อมูลไปถ่ายทอดให้ประชาชนรับทราบได้อีกด้วย