ฝ่ายค้านปล่อยส.ส.หน้าใหม่ ถล่มงบ 63 พท.อัดรัฐเก็บภาษีรีดเลือดกับปู ด้าน อนค.เรียกงบฯ”หอมหวานแบบคาหนังคาเขา” วันที่ 19 ต.ค.เวลา 09.30 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพสุ รองประธานสภาฯคนที่ 2 เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563  เป็นวันที่ 3 โดยฝ่ายค้านได้เปิดโอกาสให้ส.ส.หน้าใหม่ ขึ้นอภิปรายตลอดครึ่งวันเช้า โดยอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง อาทิน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย อภิปรายเป็นคนแรกว่า การจัดสรรงบประมาณ ที่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 2 แสนล้านล้านบาท และตั้งเป้าการการจัดเก็บรายรับ ที่ 2.731 ล้านบาท สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่มีปัญหา จึงขอเรียกร้องว่ารัฐบาลอย่าใช้มาตรการเก็บภาษี ลักษณะรีดเลือดจากปู หรือ ขึ้นภาษีตามอำเภอใจ เพื่อรีดภาษีจากประชาชนและนำมาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย และจากการตั้งงบประมาณ ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และพยายามสืบทอดอำนาจ เพราะเน้นการจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย ฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคงมากกว่า การจัดสรรให้กระทรวงที่พัฒนาศักยภาพของมนุษย์ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้รับงบประมาณ 3.6 แสนล้านบาท ซึ่งลดลงกว่า 2 แสนล้านบาท และรัฐบาลระบุว่าเพราะจัดสรรให้กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม แต่เมื่อนำงบประมาณของหน่วยงานที่โอนไปยังกระทรวงการอุดมศึกษาฯ พบว่ามีตัวเลขงบโดยรวมด้านการศึกษาลดลง 8,000 ล้านบาท   “การจัดสรรงบประมาณที่ลดลง ไม่น่ากังวลเท่ากับการบริหารงบประมาณที่ขาดวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นในวงการด้านการศึกษาซึ่งยุค คสช. พบการเรียกรับเงินจากผู้ปกครองเข้าโรงเรียนใกล้บ้านที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งกรณีดังกล่าวตรวจสอบแล้วแต่เรื่องเงียบเนื่องจากมีการทำเป็นกระบวนการและยังพบปัญหาล็อคเสปค แบบเรียน จากบุคคลใกล้ตัวของรัฐบาล ขอให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบดวย และการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อภิปรายเมื่อช่วงดึกของวันที่ 18ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าเป็นคนอาบน้ำร้อนมาก่อนนั้น ดิฉันเห็นว่าเกิดก่อน เกิดหลังไม่เกี่ยว อยู่ที่ว่าจะรับฟังส.ส.และเรียนรู้หรือไม่ เพราะเป็นการสะท้อนเสียงประชาชน หากปิดหู ต่อต้าน หรือไม่รับฟัง จะทราบปัญหาที่แท้จริงได้อย่างไร ขอถามท่านผู้นำว่าบริหารประเทศมา 5 ปี ท่านไม่ละอายใจบ้างหรือที่บอกว่าจะคืนความสุขให้ประชาชน แต่เห็นชัดว่าบ้านเมืองเราย้อนหลังไป 30 ปี แสดงให้เห็นว่าการที่ยึดอำนาจไปไม่ได้เป็นสิ่งดีให้กับประชาชน ปัญหาทุกอย่างก็ยังวนเวียนอยู่ เหมือนกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันใช่หรือไม่ ที่ว่าจนยั่งยืน”น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว ขณะที่นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า ร่างพ.รบ.งบประมาณฉบับนี้ ตนขอเรียกว่า งบประมาณหอมหวานแบบคาหนังคาเขา ไม่รอบครอบ ไม่รัดกุมไม่บูรณาการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่ร่วมมือกับนักวิชาการและประชาชน เพราะงบประมาณในส่วนของสิ่งแวดล้อม การป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งมีเพียงแค่ 775 บ้านบาท ทั้งที่เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ  แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้  บางโครงการบอกกับชาวบ้านว่าปรับปรุงภูมิทัศน์ แต่หลักๆคือการสร้างเขื่อนทำให้ชายฝั่งหายไป  และบริษัทหน้าเดิมๆที่เป็นผู้รับจ้างทำโครงการ ด้านนายสันติ กีรนันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า ท้วงติงต่อการจัดสรรงบประมาณในยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจัดสรรรวม 1.8 แสนล้านบาท ถือว่าน้อยเกินไป เพราะเป็นยุทธศาสตร์ที่เน้นการพัฒนาคน และเป็นเรื่องระยะยาว ทั้งนี้ในการอภิปรายของสมาชิก ตนขอให้อย่ามองประเทศไทยในแง่ร้าย แต่ควรมองหาช่องทางเพื่อปรับปรุง ทั้งนี้ยอมรับว่าในประเด็นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศที่น่ากลัว คือ ความมั่นคั่ง ที่มีคนรวย 20เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ ถือครองทรัพย์สินคิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สินของประเทศทั้งหมด แต่ในทิศทางดังกล่าวจากงานวิจัยพบว่าความเหลื่อมล้ำดังกล่าวเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น