เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ตุลาคม ที่ห้องสุรนารี โรงแรมดิอิมพีเรียล โฮเทล แอนด์คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ อ.เมือง นครราชสีมา นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา จัดสัมมนา “Vietnam’s FTA& InvestmentOpportunities in Binh Phuoc Province เปิดโอกาสสู่ตลาดโลกด้วยเขตการค้าเสรีและการลงทุนในเวียดนามจังหวัดบิ่ญเฟื้อก” พร้อมให้การต้อนรับ นางเจิ่น ธิ แทงห์ หมี ทูตพาณิชย์เวียดนาม ประจำประเทศไทย, นายหวิ่ง แอง มิง ตัวแทนผู้บริหารภาคธุรกิจเอกชนประเทศเวียดนาม, นางปิยะกุล สุวรรณสัมฤทธิ์ ตัวแทนบริษัท เบคาเม็กซ์ไอดีซี คอร์ปอเรชั่น และคณะนักธุรกิจ นักลงทุนชาวเวียดนาม ร่วมกันบรรยายความรู้เกี่ยวกับ FTA แนะนำเกี่ยวกับศักยภาพและโอกาสในการลงทุนของจังหวัดบิ่ญเฟื้อก ข้อมูลการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและเวียดนาม ในด้านการเกษตรที่ทันสมัยด้านอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย, อุตสาหกรรมอิเลกทรอนิกส์, อุตสาหกรรมการแปรรูปการเกษตรและอุตสาหกรรมสนับสนุน โดยมีผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมนักธุรกิจ นักลงทุนในพื้นที่ เข้าร่วมกว่า 50 คน นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จังหวัด บิ่ญเฟื้อก ห่างจากนครโฮจิมินห์ ประมาณ 80 กม. มีพื้นที่ 6,871.5 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันมีประชากรจำนวนกว่า 1 ล้านคน ประชากรกว่า60% อยู่ในวัยทำงาน มีศักยภาพเป็นศูนย์กลางการผลิตของอุตสาหกรรมสิ่งทอ, เครื่องหนัง, รองเท้า, เครื่องจักรกล, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อิเลคทรอนิกส์, ผลิตภัณฑ์แปรรูปไม้, โครงการพลังงานทดแทนโดยเฉพาะ Solar Plants ทำให้ “ บิ่งห์เฟื๊อก” เป็น 1 ใน 8 จังหวัด เขตเศรษฐกิจหลักของเวียดนามใต้ เชื่อมต่อภาคตะวันออกและภาคตะวันตกของเวียดนามใต้รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงสู่ประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอีกหลายประเทศทั่วโลก คาดว่ามูลค่าทางการค้าของเวียดนาม ในอนาคตมีแนวโน้มขยายตัวอย่างมากเนื่องจากเวียดนามได้ทำข้อตกลงการเขตการค้าเสรีหรือ FTA กับหลายประเทศ มีผลบังคับใช้ในปีหน้า โดยเฉพาะข้อตกลงเขตการค้าเสรี EV FTA ที่ EU และเวียดนามลงนามร่วมกันทำให้มีการลดภาษีสินค้า นำเข้า กว่าร้อยละ 99 ของสินค้า นำเข้าทั้งหมดส่งผลให้มูลค่าการส่งออก สินค้าของเวียดนาม เช่น สินค้าเกษตร, อาหารทะเล, น้ำตาล,ข้าว, น้ำผึ้ง, ผลิตภัณฑ์จากไม้,สิ่งทอ, รองเท้า, เฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ พุ่งตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด เป็นโอกาสของนักธุรกิจไทย ได้ใช้ประโยชน์จาก FTA เช่น การเข้าไปลงทุน ตั้งโรงงานผลิตในเวียดนาม เพื่อใช้ประโยชน์จาก FTAในการส่งออกไปประเทศต่างๆที่เวียดนามทำข้อตกลงไว้หรือเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมส่งเสริมการผลิต(Supporting Industries) เพื่อจัดหาวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมที่เติบโตไปในทิศทางเดียวกับการส่งออกขณะนี้เวียดนามยัง ต้องการการลงทุนใน SupportingIndustries เพิ่มเติมอีกจำนวนมาก สำหรับสถานการณ์ซื้อขายสินค้าภายในประเทศ ค่อนข้างเงียบเหงาซบเซา โรงงานอุตสาหกรรมใน จ.นครราชสีมา กว่า 2,700 แห่ง อาจได้รับผลกระทบหากไม่มีการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างประเทศหรือการเชื่อมโยงกับความต้องการของประชากรโลก ดังนั้นผู้ประกอบการนักธุรกิจและนักลงทุนไทยมีความจำเป็นต้องก้าวออกไปแสวงหาตลาดผู้บริโภคนอกประเทศ โดยทราบข้อมูลความต้องการของผู้บริโภค เพื่อผลิตสินค้าให้ตรงต่อความต้องการเพื่อให้กลไกภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง