ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ผู้แทนเกษตรกรโครงการราชบุรีประชารัฐ พืชผักและผลไม้ปลอดภัย นำไทยสู่ครัวโลกกรมวิชาการเกษตรเปิดข้อเท็จจริงประเด็นพาราควอต เกษตรกรราชบุรีเพาะปลูกตามมาตรฐาน GAP ใช้สารเคมีอย่างปลอดภัย ไร้ผลตกค้าง ปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค วอนนายกฯเปิดอ่านข้อมูลสักนิด ก่อนคิดตัดสินใจ น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานทางการเมืองของประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจากทุกฝ่ายแล้ว เข้าใจถึงปัญหาและข้อเท็จจริงต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญที่รับผิดชอบพิจารณาแนวทางการควบคุมสารเคมีเกษตร จะต้องมีการศึกษาอย่างรอบด้าน ปัจจุบันยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา ไม่ได้ตัดสินใจหรือฟังธงว่าจะแบนทั้ง 3 สาร โดยการตัดสินใจขึ้นอยู่กับคณะกรรมการวัตถุอันตรายเป็นสำคัญ น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง ผู้แทนเกษตรกรในโครงการกล่าวว่า ตลอดระยะเวลาโครงการเพาะปลูกพืชผักและผลไม้ด้วยการใช้สารเคมีอย่างปลอดภัยได้พิสูจน์แล้วว่า การอบรมเพื่อให้เกษตรกรปฏิบัติอย่างถูกต้องตามมาตรการจำกัดการใช้สารเคมี ยืนยันได้ว่าสารเคมีทั้ง 3 ชนิดได้แก่ สารพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพรีฟอส ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมตามที่เป็นข่าว พร้อมแสดงผลตรวจสุขภาพเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมทั้งก่อน-ระหว่าง-หลังโครงการ ย้ำการกระทำและใส่ร้ายเกษตรกร ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ต้นทุนพุ่งจากการกักตุนสารเคมี ทำให้ราคาเพิ่มขึ้น 3 เท่า กระทบไกลถึงเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ประเทศ และการส่งออกสินค้าเกษตรกรรมในระยะยาว นอกจากนี้การกล่าวอ้างจากเอ็นจีโอถึงผลวิจัยเรื่องการพบพาราควอตในขี้เทาเด็ก กรณีแม่สู่ลูกพบว่า ตามที่นักวิจัยแจ้งว่าได้เก็บตัวอย่างจากอาสาสมัครหญิงตั้งครรภ์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ปรากฏได้ตรวจสอบกลับไปยังโรงพยาบาลดังกล่าว ได้รับการชี้แจงว่า ไม่มีข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้นผลการวิจัยมาจากไหน รวมทั้งเอ็นจีโอกล่าวอ้างถึงการพบสารตกค้างในพื้นที่หลายแห่ง แต่ในความเป็นจริง หน่วยงานรัฐได้ตรวจสอบซ้ำกลับไม่พบการตกค้างพาราควอตแต่อย่างใด จึงอยากให้นายกฯเปิดอ่านข้อมูลที่แท้จริงก่อนภาคเกษตรกรรมไทยจะล่มสลายในยุคของท่าน นายสุชัช สายกสิกร เกษตรกรจังหวัดราชบุรี กล่าวเสริมว่า เกษตรกรสับสนเป็นอย่างมาก ณ ปัจจุบัน เหมือนเป็นหนูทดลองยาให้กับภาครัฐ ยกตัวอย่าง วันนี้ รัฐบอกให้เกษตรกรออกมาอบรมเพื่อให้ใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และสามารถซื้อได้อย่างถูกกฎหมาย แต่อีกวันบอกว่า ไม่สามารถซื้อได้แล้วตั้งแต่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไปใครซื้อใช้ โดนจับปรับผิดกฎหมาย หรือ 50 ปีที่แล้วบอกว่า พาราควอตปลอดภัย แต่วันนี้บอกว่า ไม่ปลอดภัยจะหาสารทดแทนใหม่มาให้ “เกษตรกรขอรับฟังและเชื่อข้อมูลจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ นำหลักฐานมาแสดงว่า พาราควอต มีผลตามคำกล่าวอ้างจริง และสารทดแทนที่เสนอมานั้นปลอดภัยในราคาและประสิทธิภาพที่เท่ากัน เพราะกลุ่มที่ต้องการแบนนำเสนอข้อมูลมานั้น เป็นการกล่าวหาลอยๆ และสิ่งที่เรารับไม่ได้คือกล่าวหาว่า เกษตรกรเป็นฆาตกร” ทั้งนี้เกษตรกรเชื่อมั่นในนายกรัฐมนตรีที่รับฟังข้อมูลทั้งสองด้าน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว สารเคมีทั้งสามตัวนี้ คงโดนแบนไปนานแล้ว เหตุที่คณะกรรมการฯ ตัดสินไม่แบน เพราะข้อเท็จจริงที่ปรากฏมาโดยตลอดว่า ไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานที่ชัดเจนว่าพาราควอตส่งผลต่อสุขภาพ และไม่มีการตกค้างในสิ่งแวดล้อมตามที่เอ็นจีโอกล่าวอ้าง ส่วนการขึ้นป้ายของโรงพยาบาลต่างๆบอกว่ามีคนเสียชีวิตจากยาฆ่าหญ้ากว่า 600 คนต่อปี แต่ในความเป็นจริง สถิติของกระทรวงสาธารณสุข มีคนเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ปีละมากกว่า 50,000 ราย มากกว่ายาฆ่าหญ้าหลายเท่า เกษตรกรจึงอยากฝากกระทรวงสาธารณสุขไปแบนบุหรี่ หากห่วงใยสุขภาพของผู้บริโภคอย่างแท้จริง “นับตั้งแต่วันนี้ เกษตรกรจะไม่ยอมให้ใครมาใส่ร้าย ทำลายเศรษฐกิจภาคการเกษตร และดูถูกอาชีพเกษตรกรอีกต่อไป เกษตรกรมากกว่า 1.5 ล้านราย พร้อมที่จะออกมาแสดงพลังทุกเมื่อ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการวัตถุอันตราย จะดำเนินการตัดสินอย่างถูกต้อง เป็นธรรม ยึดถือข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยมีหัวใจสำคัญ เกษตรกรต้องไม่เดือดร้อนกับวิธีการแก้ปัญหา เกษตรกรตั้งข้อสังเกตุถึงความพยายามอย่างผิดปกติถึงวิธีการแบนสารสามตัวนี้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราขอเป็นกำลังใจให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ถูกคุกคาม กดดันมาโดยตลอดได้ใช้ความรู้ของท่านในการพิจารณาอย่างอิสระ”