อึ้งผู้ได้รับบาดเจ็บบัสชนท้ายรถน้ำมันเป็นผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยราชยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ทั้งสิ้น โดยรองผู้ว่านครปฐฒรุดเยี่ยมและประสานความช่วยเหลือ โดยสรุปทางมืดคนขับรถบัสอาจหลับในหรือมองไม่เห็นรถบรรทุกข้างหน้าเพราะชนแบบไม่มีการเบรก ขณะนี้พบสาหัส 2 ราย วันนี้ 17 ตุลาคม 62 เวลา 11.30 น. ที่อาคารฉุกเฉิน โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์อุบัติเหตุรถโยสารพุ่งชนท้ายรถบรรทุกน้ำมันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บกว่า 26 คน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ ม.8 ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ของเมื่อเข้าที่ผ่านมา โดยในการเข้าเยี่ยมดังกล่าวได้มีคณะแพทย์ของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม สำนักงานขนส่งจังหวัดนครปฐม ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟังการสรุปการช่วยเหลือซึ่ง ในโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม มีผู้ที่ถูกส่งตัวมาทำการรักษาจำนวน 17 คนและส่งกลับบ้านได้ 4 คนมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 รายเป็น ชาย 1 คนและหญิงไม่ทราบชื่อ 1 คน มีอาการทางสมองสาหัสคือมีเลือดออกที่เยื่อหุ้มสมองเป็นจำนวนมากและมีอารสมองบวม ความดันลดต่ำมาก นอกนั้นเจ็บตามกระดูกที่ต้องรอการผ่าตัดส่วนหนึ่งและรอดูอาการ 2-3 วันก็สามารถกลับบ้านได้ ซึ่งได้ถูกนำไปรักษาตามตึกต่างๆ ตามอาการของผู้ป่วย โดยมีคณะอาจารย์และผู้บริหารของมหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม ที่โดยสารมาด้วย แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บมารองดูอาการอย่างต่อเนื่อง โดยนายสุพจน์ ยศสิงห์คำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า ตอนนี้ได้เข้ามาดูแลอาการและให้การช่วยเหลือประสานงานกับผู้ได้รับบาดเจ็บและช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นคนขับ 1 ราย โดยเบื้องต้น ทราบว่าอุบัติเหตุดังกล่าวอาจจะเกิดจากคนขับหลับในหรือทางดังกล่าวเป็นที่มืดไม่มีไฟส่องสว่างอาจจะทำให้คนขับมองไม่เห็นรถบรรทุกน้ำมันดิบและพุ่งชนอย่างแรง ซึ่งจะมีการวางมาตรการในจุดดังกล่าวต่อไป แต่ทางดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาลมาดำเนินการซึ่งจะมีการเร่งดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนก่อน ขณะที่ พันตำรวจเอก ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เผยว่า ขณะนี้ทางตำรวจได้ให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ โดยสถานที่ดังกล่าวเป็นที่มืดและรถบรรทุกน้ำมันกำลังจะเตรียมที่กำลังจะกลับรถแต่รถโดยสารได้วิ่งมาชนอย่างจังจนเป็นเหตุดังกล่าว ซึ่งตอนนี้จะเร่งสอบและหากล้องหน้ารถหรือกล้องที่จะพอหาได้มาตรวจสอบว่าเกิดขึ้นแท้จริงอย่างไร ส่วนทรัพย์สินของผู้ประสบเหตุทางตำรวจได้ทำการเก็บไว้ที่ สภ.กำแพงแสนแล้ว และเร่งประสานงานต่างๆให้แล้ว ด้าน นางกนกเนตร เนตรน้อย หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่งจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดนครปฐมได้ประสานกับพนักงานสอบสวนในรูปคดีแล้ว โดยจะตรวจสอบว่าคนขับรถนั้นมีการขับรถนานกว่า 8 ชั่วโมงหรือไม่ หากเกิดก็จะมีความผิด และในส่วนการตรวจระบบจีพีเอสในรถก็พบว่าไม่ทำงานเรื่องนี้จะตรวจสอบต่อไปอีก อีกส่วนคือการติดตามเรื่องประกันภัยว่ามีแบบใดที่จะมาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้บ้าง โดยจะเน้นไปในการช่วยเหลือและติดตามหาข้อผิดพลาดต่างๆมาสรุปผลอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ รศ.ดร.สัญญา เคณาภูมิ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภักมหาสารคาม ผู้ประสบเหตุ เผยว่า การเดินทางดังกล่าวล้วนเป็นคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ทั้งสิ้น โดยเป็นตั้งแต่รองคณบดี และอาจารย์หัวหน้าแผนกที่ได้เดินทางไปเพื่อทำงานประชุมสัมนาการวิจัยพัฒนาระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยซึ่งตนเองเป็นหัวหน้าโครงการ โดยได้กำหนดเดินทางไปที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่ วันที่ 16-19 ตุลาคม เพื่อจะหาแนวทางการวิจัยและพัฒนาระบบการศึกษาในหลายส่วน ซึ่งทราบว่าคนขับนั้นเป็นเจ้าของรถเอง โดยได้ออกเดินทางมาตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน โดยตนเองได้นำภรรยาและบุตรสาววัย 5 ขวบไปด้วย โดยเมื่อประมาณ เวลา 04.00 น. ตนเองยังไม่หลับ ก็พบว่ารถได้วิ่งไปเรื่อยๆ กระทั่งมาถึงจุดที่เป็นทางข้ามทางรถๆฟฟแถวๆ อ.กำแพงแสน จู่ๆก็ได้ยินเสียงดังตูมโดยไม่มีเสียงเบรกเมื่อตั้งสติได้ก็พบว่ารถชนแล้ว ซึ่งตนเองได้หันไปหาลูกสาวโดยคนในรถบอกว่ามีน้ำมันจึงได้คว้าผ้าห่มมาห่อลูกสาวแล้วรีบลงมาจากรถก่อนที่จะรีบเดินไปหาชาวบ้านและให้เขาพานั่งรถ จยย.ไปที่โรงพยาบาลกำแพงแสน และมาทราบว่าคนขับเสียชีวิตและมีคนเจ็บหลายคน ซึ่งลูกสาวก็ได้เจ็บพร้อมกับภรรยาที่กระดูกสันหลังแตกอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งในช่วงบ่ายตลอดทั้งวันหลายหน่วยงานได้เข้าสอบถามและให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นกรณีที่มีบุคคลากรระดับสูงทางการศึกษามาประสบเหตุ แต่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ทราบว่าไม่ใช่คณะอาจารย์แต่เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ที่พามาดังกล่าว และมีการติดต่อสอบถามถึงสถานการณ์ต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ประสบเหตุเป็นระดับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และด๊อกเตอร์แทบทั้งสิ้น โสฬส แสงเพ็ญ