เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 15 ตุลาคม 62 ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านประชาชื่น นางกิ่งกาญจน์ หมื่นหาญ อายุ 38 ปี ภรรยาของนายศุภชัย อธิภาคย์ อายุ 45 ปี ผู้จัดการวิศวกรไฟฟ้าบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง พร้อมบุตรชาย และนายอดิศักดิ์ อธิภาคย์ ทนายความ เดินทางติดต่อขอรับผลเวชระเบียน รายชื่อแพทย์ผู้รักษาและภาพจากกล้องวงจรปิด หลังแพทย์ผู้รักษาอาการป่วยของสามีผู้เสียหาย ได้วินิจฉัยโรคผิดพลาดจากโรคหัวใจตีบเป็นโรคกระเพาะจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต นางกิ่งกาญจน์ กล่าวว่า คืนวันเกิดเหตุสามีเกิดอาการเจ็บหน้าอกซ้ายและแขนซ้าย กล้ามเนื้ออ่อนแรง เหนื่อยและหายใจลำบาก คล้ายจะเป็นโรคหัวใจ จึงรีบไปให้หมอตรวจวินิจฉัยอาการที่ รพ.ดังกล่าว ซึ่งแพทย์ได้ตรวจอาการพร้อมซักประวัติแล้วก็ระบุว่าการที่สามีจุกเสียดแล้วเจ็บหน้าอกนั้น เป็นผลมาจากโรคกระเพาะอาหาร มีแก๊สดันทำให้จุกเสียด จึงฉีดยาลดกรดบรรเทาอาการและเฝ้าดูผู้ป่วยประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนแพทย์จะปล่อยให้กลับบ้านไปนอนพัก พอช่วงเวลาประมาณ 23.00น. ตนได้ยินเสียงสามีสำลัก ก่อนจะชักเกร็งตาเหลือกและน้ำลายฟูมปาก จึงเรียกลูกชายมาช่วยปั๊มหัวใจพร้อมโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนกู้ภัยแต่ก็ไม่ทันการณ์ สามีจึงเสียชีวิตไปในเวลา 00.00 น.วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติ จึงส่งไปตรวจที่ รพ.ธรรมศาสตร์ รังสิต ผลออกมาว่าสามีเสียชีวิตจากอาการเส้นเลือดหัวใจตีบถึง 2 เส้น ด้านนายอดิศักดิ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ทางครอบครัวได้มาขอคัดลอกเวชระเบียนที่ รพ.ตามสิทธิ์ แต่ทางโรงพยาบาลกลับอ้างว่าต้องใช้เวลา 7 วัน ขณะเดียวกันเมื่อขอดูข้อมูลของแพทย์ที่เป็นผู้รักษา พบว่าเพิ่งเป็นหมอเรียนจบใหม่แต่กลับให้มาวินิจฉัยอาการผู้ป่วยลักษณะนี้ โดยในวันนี้ทางโรงพยาบาลได้นัดมาพบในเวลา 16.00 น. ก็จะขอเอกสารต่างๆ รวมถึงรายชื่อแพทย์พยาบาลที่รักษา พร้อมกับภาพวงจรปิดเพื่อตรวจสอบ พร้อมกับขอเอกสารเวชระเบียนการรักษา หลังทราบข่าวว่าทางโรงพยาบาลได้ยื่นเอกสารให้กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)แล้ว ระบุว่าแพทย์ได้ตรวจคลื่นหัวใจและเอ็กซ์เรย์ พร้อมฉีดสี แต่เนื่องจากขณะที่แพทย์ได้ตรวจรักษา ทราบว่าใช้เวลาเพียง 10 นาที เท่านั้น จึงอยากทราบว่าเป็นเอกสารดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ และเหตุใดจึงใช้เวลาขอเวชระเบียนนาน