บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์นี้ (วันที่ 15 – 18 ต.ค. 2562) บรรยากาศยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาการซื้อขายอยู่ในแดนลบสลับกันแดนบวก ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางตลาดหุ้นฯในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้นักลงทุนยังลุ้นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หากเจรจากันได้ก็จะเป็นบวก แต่ถ้าไม่ใช่ก็เชื่อว่าตลาดฯก็คงร่วง อย่างไรก็ดีหากเจรจาแล้วตกลงกันได้ก็มองว่าเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องจับตามองหุ้นในกลุ่มพลังงานภายหลังจากที่ราคาน้ำมันฟิวเจอร์สได้ปรับตัวขึ้นราว 2% จากเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านด้วยขีปนาวุธ ซึ่งกระแสข่าวลือว่าเป็นฝีมือซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้เกิดความกังวลความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ “ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าให้ติดตามตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของจีนงวดไตรมาส 3/62 ที่ตลาดฯคาดไว้ที่ 6.1% ลดลงจากไตรมาส 2/62 ที่เติบโต 6.2% ส่วนบ้านเราติดตามการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 และการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/62 ของกลุ่มแบงก์ เช่นเดียวกับสหรัฐฯที่จะทยอยประกาศผลประกอบการเช่นกันพร้อมให้แนวรับ 1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640-1,660 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” กล่าวว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้าคาดว่าเคลื่อนไหว 30.25-30.55 บาทต่อดอลลาร์ โดยสิ่งที่นักลงทุนต้องติดตามคือปัจจัยจากต่างประเทศ ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ทางออกของเรื่องเบร็กซิท ผลการประชุมอียู ซัมมิท รวมถึงสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด และตัวเลขเศรษฐกิจอื่นของสหรัฐฯที่สำคัญ นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/62 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือน