เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 12 ตุลาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางกรรณิการ์ บำรุงชัย อายุ 39 ปี พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ได้เข้าร้องทุกข์และขอความช่วยเหลือต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ย่อยประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เนื่องจากตนเองนั้นคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้ ของรัฐบาล
นางกรรณิการ์ เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาจากกรุมเทพมหานคร เพื่อมาใช้สิทธิ์ในโครงการชิมช้อปใช้ ที่ห้างแห่งนี้ โดยได้เข้าไปซื้อของที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง โดยซื้อของในราคา 100 บาท จากนั้นตนเองก้ส่งโทรศัพท์มือถือให้เพื่อให้พนักงานของร้านทำการ สแกน รหัสเพื่อหักเงิน จำนวน 100 บาท ซึ่งเมื่อซื้อของและจ่ายเงินจนเสร็จเรียบร้อยแล้วตนเองก็ออกไปจากร้านแห่งนั้น เพื่อหาซื้อสินค้าที่ต้องการ
จนกระทั้งเข้าไปซื้อของอีกร้านหนึ่ง เมื่อส่งโทรศัพท์ให้พนักงานเพื่อสแกน หักเงินค่าสินค้า ปรากฏหว่าพนักงานแจ้งว่าเงินนั้นหมดไปแล้ว ไม่มีเงินให้หักแล้ว ซึ่งตนเองก็ตกใจมากๆเพราะเพิ่งใช้สื้อสินค้าไปแค่ 100 บาทเอง เงินต้องเหลือ 900 บาท หลังจากซื้อสินค้าไม่ได้จิงย้อนกลับไปที่ร้านค้าร้านแรกที่ตนซื้อของ 100 บาท และถามพนักงานคนที่ขายของและหักเงินเราไป ปรากฏว่า พนักงานคนนั้นอ้างว่าหักเงินผิด
นางกรรณิการ์ กล่าวต่อว่า เมื่อพนักงานบอกว่าหักยอดเงินผิดพลาด ตนเองจึงแจ้งว่าขอเงินที่หักผิดจำนวน 900 บาทคืน แต่พนักงานคนนั้นกลับบอกว่าไม่สามารถคืนเป็นเงินสดให้ได้เพราะเป็นระบบการหักเงินอิเล็คทรอนิกส์ ดังนั้นจึงต้องซื้อสินค้าในร้านเพิ่มเพื่อให้ครบตามยอดเงินที่หักไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนเองก็รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร และพนักงานก็หยิบสินค้าให้อีกเป็นพวกครีมเครื่องสำอางค์ซึ่งตนเองไม่ต้องการ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งนี้ตนเองโทรศัพท์หาน้องสาวที่ซื้อสินค้าอยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งน้องสาวก็แจ้งว่าถ้าหักเงินผิดแม้จะ 5 บาท 10 บาทก็สามารถรับคืนเป็นเงินสดได้ จึงมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความเป็นธรรมด้วย
ผู้สื่อขข่าวรายงานว่า หลังจากทราบเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ สภ.ย่อยฯ ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ได้พา นางกรรณิการ์ ไปยังร้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อมีการเจรจากันโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนกลาง พนักงานขายคนดังกล่าวก็แจ้งว่าสามารถคืนเงินสดให้ได้ถ้าลูกค้าต้องการ ซึ่งเรื่องก็จบลงด้วยดี นางกรรณิการ์ได้รับเงินสด 900 บาทคืนกลับมา เพื่อนำไปซื้อสินค้าที่ต้องการและมีความจำเป็นต่อไป
นางกรรณิการ์ กล่าวต่อว่า เมื่อพนักงานบอกว่าหักยอดเงินผิดพลาด ตนเองจึงแจ้งว่าขอเงินที่หักผิดจำนวน 900 บาทคืน แต่พนักงานคนนั้นกลับบอกว่าไม่สามารถคืนเป็นเงินสดให้ได้เพราะเป็นระบบการหักเงินอิเล็คทรอนิกส์ ดังนั้นจึงต้องซื้อสินค้าในร้านเพิ่มเพื่อให้ครบตามยอดเงินที่หักไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนเองก็รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร และพนักงานก็หยิบสินค้าให้อีกเป็นพวกครีมเครื่องสำอางค์ซึ่งตนเองไม่ต้องการ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งนี้ตนเองโทรศัพท์หาน้องสาวที่ซื้อสินค้าอยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งน้องสาวก็แจ้งว่าถ้าหักเงินผิดแม้จะ 5 บาท 10 บาทก็สามารถรับคืนเป็นเงินสดได้ จึงมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความเป็นธรรมด้วย
ผู้สื่อขข่าวรายงานว่า หลังจากทราบเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ สภ.ย่อยฯ ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ได้พา นางกรรณิการ์ ไปยังร้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อมีการเจรจากันโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนกลาง พนักงานขายคนดังกล่าวก็แจ้งว่าสามารถคืนเงินสดให้ได้ถ้าลูกค้าต้องการ ซึ่งเรื่องก็จบลงด้วยดี นางกรรณิการ์ได้รับเงินสด 900 บาทคืนกลับมา เพื่อนำไปซื้อสินค้าที่ต้องการและมีความจำเป็นต่อไป