เกษตรกรพร้อมเปิดข้อสงสัยการแบนพาราควอต ภาคประชาคมเกษตรกรกว่า 5 แสนคนเดินหน้าพบนายกรัฐมนตรี ยืนยันมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเดิม “อนุญาตให้ใช้พาราควอต” โชว์มูลค่าความเสียหายทางผลผลิตเกษตร 6.5 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมความเสียหายของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กระทบรัฐเตรียมดึงภาษีประชาชนมาแก้ไขปัญหา ทวงถาม รมว.เกษตรและสหกรณ์ เหตุผลการแบนพาราควอต และย้ำขอให้ตัดสินจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า เกษตรกรกว่า 500,000 ราย ขอประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันขอยืนยันมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเดิมอนุญาตให้ใช้พาราควอต ภายใต้มาตรการจำกัดการใช้ เนื่องจากตลอดสองปีกว่าที่ผ่าน เกษตรกรเป็นผู้รับเคราะห์มาโดยตลอด มีการจัดตั้งคณะทำงานหลายชุดตามข้อเสนอแบนสารเคมีของกระทรวงสาธารณสุข องค์กรอิสระ เอ็นจีโอ โดยท้ายที่สุดมติจากคณะกรรมการวัตถุอันตรายก็ระบุชัดว่า ข้อมูลต่างๆของฝ่ายแบนนั้น หลักฐานไม่เพียงพอ แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลเหล่านั้นไม่มีน้ำหนัก ขาดความน่าเชื่อถือมาโดยตลอด แต่ฝ่ายเสนอแบนไม่เคยยอมรับมติ เผยแพร่ข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อตัวเกษตรกร ต้นทุนพุ่ง กระทบต่อเศรษฐกิจการเกษตร สินค้าปลอมและสารเคมีนำเข้าผิดกฎหมายเกลื่อน ไทยสูญเสียความน่าเชื่อถือในการส่งออกที่บอกว่าปาล์มน้ำมันทั่วโลกเลิกใช้พาราควอต เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจริงๆแล้วมาตรฐาน RSPO เป็นมาตรฐานสมัครใจก็ยังให้ใช้พาราควอตตามเงื่อนที่จำเป็น และเป็นไปตามกฏระเบียบของประเทศ เกษตรกรที่เข้ามาตรฐาน RSPO มีกี่รายที่ทำได้ ตอนนี้อินโดนีเซียเองยังออกจากมาตรฐาน RSPO มาใช้มาตรฐานของตนเอง นอกจากนี้คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการควบคุมวัตถุอันตรายฯเคยรายงานต่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายแล้วว่า ไม่มีข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงได้อย่างชัดเจนกับข้อกล่าวอ้างว่าพาราควอตเป็นสารก่อมะเร็ง โรคผิวหนังอักเสบเนื้อเน่า การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกนั้น ล้วนแต่ขาดความชัดเจนของข้อมูล อย่างโรคมะเร็งจากบุหรี่ในปีหนึ่งๆ 5หมื่นกว่าคน ทำไมไม่แบนบุหรี่ นายวราวุธ ชูธรรมธัช รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ประเทศไทยจะเพิ่งเกษตรอินทรีย์ทั้งหมดไม่ได้ ต้องพึ่งเกษครเคมีด้วย ดังนั้นใครถนัดวิถีไหน ก็ทำไป และเป็นเรื่องที่ดีที่เกษตรกรออกมาให้ข้อมูล จะได้เป็นการให้ข้อมูลทั้งสองด้าน ไม่ใช่ให้ข้อมูลแต่เพียงด้านเดียวเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ หากมีการแบน ต้นทุนเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคก็ต้องรับภาระราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น โดยสิ่งที่เกษตรกรสงสัยที่สุดตอนนี้คือ ความพยายามแบนพาราควอตอย่างรุนแรง และไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ควบคู่ไปกับ ความพยายามผลักดันสารเคมีทดแทนตัวใหม่ที่ราคาแพงกว่าหลายเท่า แถมสารที่แนะนำ เอ็นจีโอที่อังกฤษ บอกว่าก่อมะเร็งและทำลายระบบประสาท สามารถตกค้างในสิ่งแวดล้อม ซึ่งสารทดแทนที่แนะนำนี้ขายในไทยมานานแล้ว แต่เกษตรกรไม่ใช้เหตุเพราะแพงและอันตรายกว่า งานนี้ อาจมีเบื้องหลังจากกลุ่มทุนรายใหญ่ร่วมแบน หากพาราควอตยังอยู่ ตัวนี้ก็ขายไม่ได้ ท้ายสุดเกษตรกรก็รับเคราะห์เหมือนเดิม “เกษตรกร 500,000 ราย อยากร้องขอนายกฯและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ที่ได้รับเสียงเลือกตั้งส่วนใหญ่จากเกษตรกร คณะกรรมการวัตถุอันตราย กรมวิชาการเกษตร พิจารณาจากข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ ไม่ตามกระแสสังคม เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นประเทศชาติเสียหาย ประชาชนเดือดร้อน ต้องนำภาษีประชาชนมาใช้อีกกี่แสนล้านบาท อย่าใช้เกษตรกรเล่นเกมการเมือง และเอื้อประโยชน์นายทุนที่อยู่เบื้องหลังการแบน”