พิจิตร หรือ ชื่อเดิมว่า เมืองสระหลวง ที่แปลว่า เมืองในท้องน้ำ ที่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นข่าวถูกน้ำท่วม พอน้ำเริ่มลดลง ก็เข้าสู่สภาวะภัยแล้งอย่างน่าใจหาย พิจิตรมีแม่น้ำ 3 สาย คือ แม่น้ำน่าน แม่น้ำยม แม่น้ำพิจิตร ล่าสุดพบว่าระดับน้ำของแม่น้ำทั้ง 3 สาย เริ่มลดลงถึงก้นตลิ่งแล้ว โดยเฉพาะแม่น้ำพิจิตรบริเวณปากแม่น้ำเกิดน้ำแห้งขอด โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดงเศรษฐี กรมชลประทานเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำช่วยรักษาระบบนิเวศและช่วยเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอท่าข่อย-ขาวแตงกวา นับพันไร่ ให้มีน้ำใช้สู้ภัยแล้ง แล้ว วันที่ 11 ต.ค. 2562 นายฤทธิคุณ เหมือนรักษา ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดงเศรษฐี จ.พิจิตร ลงพื้นที่ติดตามการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ที่นำมาจาก สำนักงานชลประทานที่ 3 จ.พิษณุโลก นำมาติดตั้งที่บริเวณคลอง C1 ซึ่งอยู่ที่หมู่ 4 ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร บริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับปากแม่น้ำพิจิตรมากที่สุด โดยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในครั้งนี้ ก็สืบเนื่องมาจากระดับน้ำในแม่น้ำน่านลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำจากแม่น้ำพิจิตรที่มีประตูเปิด-ปิด อยู่ที่ประตูน้ำบ้านดงเศรษฐี แต่ได้เกิดการรั่วซึมทำให้น้ำจากแม่น้ำพิจิตรไหลลงสู่แม่น้ำน่าน ถึงแม้ว่าขณะนี้ได้ทำการซ่อมแซมประตูน้ำใช้ได้เป็นปกติแล้วก็ตาม แต่น้ำที่ไหลไปไม่สามารถไหลย้อนกลับมาได้ ทำให้บริเวณปากแม่น้ำพิจิตรระยะทางประมาณ 5-6 กม. เกิดวิกฤตน้ำแห้งขอด เกษตรกรที่ปลูกส้มโอท่าข่อย ส้มโอขาวแตงกวา พื้นที่นับพันไร่ ต่างวิตกว่าหากไม่มีน้ำในแม่น้ำพิจิตรก็จะได้รับผลกระทบจึงไปร้องทุกข์กับ นายสิริรัฐ ชุมปราการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ซึ่งได้ลงมาดูยังจุดเกิดเหตุและได้สั่งการให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดงเศรษฐี ให้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรดังกล่าว สำหรับน้ำในคลองชลประทาน C1 ที่รับน้ำมาจากเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ขณะนี้ประกาศหยุดจ่ายน้ำเพื่อการเกษตรแล้ว แต่จะยังคงจ่ายน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศให้ในบางพื้นที่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น จึงทำให้น้ำในคลองชลประทาน C1 มีสภาพเกือบแห้งขอด มีน้ำติดอยู่แค่เพียงก้นคลองเท่านั้น ชาวบ้านในนามกลุ่มขุนศึกลูกพ่อปู่กอบกู้แม่น้ำพิจิตร จึงได้รวมตัวกันนำกระสอบทรายไปขวางในคลองชลประทาน C1 เพื่อทดน้ำให้มีระดับสูงขึ้นประมาณ 50-60 เซนติเมตร เพื่อให้เครื่องสูบน้ำสามารถดำเนินการได้โดยการสูบน้ำครั้งนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดงเศรษฐี จะสูบน้ำให้จนกว่าน้ำจะหมดคลอง ซึ่งก็มีอยู่น้อยนิดหรือจะสูบไปจนกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้มาหมดก็หยุดสูบน้ำซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ก็ยอมรับและเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าจังหวัดพิจิตรเมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2562 หลายอำเภอในจังหวัดพิจิตรประสบกับสถานการณ์น้ำท่วม แต่หลังจากนั้นน้ำได้ลดลงก็เข้าสู่สภาวะภัยแล้งทันที ทำให้เป็นที่น่าแปลกใจว่ามวลน้ำหรือปริมาณน้ำที่มีมากมายหายไปไหนหมดจนเป็นเหตุให้วันนี้พิจิตรต้องกลับเข้าสู่สภาวะขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่แล้ว?