นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยในงานเสวนาเรื่อง “ประชารัฐประหาร จาก กกต. สู่ ม.44” ว่า หากถามตนว่ารัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค. 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า นำมาสู่การสืบทอดอำนาจในเวลาต่อมาหรือไม่ ขอตอบว่าใช่แน่นอน 100% โดยดูจากการออกแบบกติกาต่างๆ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญจนถึงกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ            สำหรับกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับ ตนได้ตั้งข้อสังเกตและทักท้วงตลอด ตั้งแต่ก่อนจะถูกคำสั่งหัวหน้าคสช. หรือ มาตรา 44 ปลดออกจาก กกต. แล้ว เช่น กฎหมายว่าด้วย กกต. ที่ให้ กกต. ชุดเดิมซึ่งมาตามขั้นตอนของ รธน.ฉบับ 2550 สิ้นสภาพไป โดยอ้างเรื่องไม่อยากให้มีปลา 2 น้ำ เนื่องจากคุณสมบัติของ กกต. ใน รธน. ฉบับ 2560 ที่มี 7 คน ตั้งไว้สูงกว่าของฉบับ 2550 ที่มี 5 คน ซึ่งตนมองว่าเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้ เพราะ กกต. มีคนเข้า-ออกเป็นปกติ เช่นเดียวกับการตั้งคุณสมบัติของกกต.ที่สูงมากจนถูกเปรียบเทียบว่าคงต้องไปเชิญมหาเทพมาเป็นแล้ว ทั้งนี้สุดจะได้คนที่ทำงานไม่เป็น มากกว่าได้คนที่มีประสบการณ์เรื่องการเลือกตั้งจริงๆ ขณะที่กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ตนก็ไม่เห็นด้วยเรื่องให้ผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขต แม้จะมาจากพรรคเดียวกันแต่หมายเลขแต่ละเขตไม่เหมือนกัน ส่วนกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองเขียนแม้ไว้ดีแล้วแต่กลับไปใช้คำสั่ง คสช. ยกเว้นหลายเรื่อง และกฎหมายการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ก็เขียนไว้ดีแต่วิธีการกลับไปใช้อีกแบบหนึ่ง            “คำถามพ่วงประชามติ ในฐานะที่เป็นนักวิชาการแล้วก็สอนวิจัย เราก็เห็นว่าการตั้งคำถามแบบนี้มันเป็นคำถามที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและมันทำให้เกิดความไม่ชัดเจน เช่น ในช่วง 5 ปีแรกของการทำหน้าที่ของรัฐสภา เพื่อประโยชน์ของการปฏิรูปทางการเมือง เห็นสมควรให้สมาชิกรัฐสภามีส่วนร่วมในการออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ผมก็บอกว่าประโยคทำนองนี้เป็นคำถามนำ เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปทางการเมือง มันก็คือคำนำตั้งแต่เริ่มต้น เห็นสมควรให้สมาชิกรัฐสภา คนก็ไม่ชัดเจนว่าหมายถึงใคร” นายสมชัย กล่าว            นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ศาสตราภิชานแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า หากดูข้อมูลจากหนังสือ “กกต. ม. 44 เชิงอรรถการเมืองไทย พ.ศ. 2556-2561” ที่นายสมชัยเขียนบอกเล่าเรื่องราวช่วงปลายรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงปลายปี 2556 จนถึงวันที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์ สั่งปลดจาก กกต. ในช่วงต้นปี 2561 ตนต้องขอชมความสามารถทางวิชาการของนายสมชัย ที่ตั้งข้อสังเกตกฎหมายแต่ละฉบับ โดยเฉพาะประเด็นคำถามพ่วงตนก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน            นายเจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่าคำถามพ่วงในประชามติ ผมเรียนตรงๆ ผมรับไม่ได้ ผมคิดว่าคำถามพ่วงแย่มาก เป็นคำถามชี้นำ และนอกจากชี้นำแล้วยังหลอกชาวบ้านอีก ให้รัฐสภามีส่วนในการเลือก ประชาชนรู้ไหมว่าสมาชิกรัฐสภาคือ ส.ว. และ ส.ส. เรารู้แต่ชาวบ้านเขาจะมานั่งตีความอีกไหม เขาก็บอกเห็นด้วยสิ สมาชิกรัฐสภาเป็นคนเลือก ไม่เช่นนั้นใครเลือก ขณะเดียวกันเพื่อที่จะให้ปฏิรูปบ้านเมืองเดินต่อไปได้ เขียนแบบนี้มันไม่ใช่ประชามติแล้ว ผมคิดว่าแย่มาก