เมื่อเวลา 12.20 น.วันที่ 8 ต.ค.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.อ.ปียวัฒน์ ปรัญญา พนักงานสอบสวน กก. 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (กก.3 .บก.ปอท.)ได้คุมตัว นายศศิพัฒน์ หรือกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์ อายุ 25 ปี กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ชาว อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี ผู้ต้องหากระทำผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก โดยพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2562 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ไอซีที.)โดยนายอารีย์ จิวรรักษ์ ผู้รับมอบอำนาจได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน ปอท.ว่า กรณีเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2562 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ"กาณฑ์ พงษ์ประภาหันธ์" โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเวลา 15.17 น.วันที่ 2 ต.ค.2562 ทำนองว่า "อยากจบแบบไหน-เหมือนรัสเซีย-ลี้ภัย เหมือนเยอรมัน- ทำประชามติ เหมือนกรีช- ยึดอำนาจ ไล่ออกอยู่ประเทศเพื่อนบ้านเหมือนลาว" เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการสื่อให้ผู้เข้าไปดูโพสต์เข้าใจว่าเป็นการพาดพิงถึงสถาบันฯ เพราะประชาชนที่ดูข่าวเป็นประจำและศึกษาประวัติศาสตร์ย่อมต้องรู้และเข้าใจการสื่อความหมายเรื่องนี้ดี เชื่อว่า ผู้ต้องหามีเจตนาปลุกปั่นกระแสให้ประชาชนที่เห็นโพสต์ดังกล่าวเกิดความตื่นตระหนก เข้าใจผิดและเกิดความแตกแยกในสังคม หรือก่อความไม่สงบภายในประเทศ ซึ่งอาจกระทบต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ พนักงานสอบสวน ปอท.จึงขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับที่1520/2562 ลงวันที่ 7 ต.ค 62 กระทั่งวันที่ 7 ต.ค. 2562 เวลา 20.00 น. จึงสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหานี้ได้ บริเวณหน้าบ้านพักเลขที่ 321/47 ซอยอารีย์สัมพันธ์ 3 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. พร้อมแสดงหมายจับ โดยผู้ต้องหารับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับมาก่อน จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ปอท.ดำเนินคดีข้อหา"นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร” อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3) แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2562 เหตุเกิด เมื่อเวลา 15.17 น. วันที่ 2 ต.ค.2562 และเกี่ยวเนื่องทั่วราชอาณาจักร​ ในชั้นจับกุม และชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฎิเสธ ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจะต้องรอสอบปากคำพยานอีก 4 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รอผลตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 ต.ค.นี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่า จะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณอ้าคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้