ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาร์เซ็ป สมัยพิเศษ ครั้งที่ 9 วันที่ 10-12 ต.ค.นี้ หาข้อสรุปประเด็นคงค้าง สร้างโอกาสส่งออกสินค้าและการลงทุนของไทยเพิ่มขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาร์เซ็ป สมัยพิเศษ ครั้งที่ 9 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุม โดยรัฐมนตรีอาร์เซ็ปจะร่วมกันตัดสินใจประเด็นระดับนโยบายในเรื่องที่ยังคงค้างและดำเนินการตามความตั้งใจของผู้นำที่จะประกาศความสำเร็จการเจรจาอาร์เซ็ปปีนี้ โดยระหว่างวันที่ 10-11 ต.ค.62 จะมีการประชุมระดับคณะกรรมการเจรจาจัดทำความตกลงอาร์เซ็ปก่อนที่จะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีวันที่ 12 ต.ค.62
ทั้งนี้การเจรจาอาร์เซ็ปได้เดินทางเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเจรจาแล้ว โดยผลจากการประชุมคณะกรรมการเจรจาอาร์เซ็ป ครั้งที่ 28 เมืองดานัง สมาชิกสามารถปิดดีลเพิ่มอีก 6 บท ทำให้ขณะนี้สรุปได้แล้ว 13 บท และ 3 ภาคผนวก จากทั้งหมด 20 บท และ 3 ภาคผนวก ประกอบด้วย บทบัญญัติพื้นฐานและคำนิยามทั่วไป บทการค้าสินค้า บททรัพย์สินทางปัญญา บทบัญญัติทั่วไปและข้อยกเว้น บทการระงับข้อพิพาท บทบัญญัติสุดท้าย บทบัญญัติเกี่ยวกับสถาบัน บทพิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า บทมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช บทมาตรฐาน กฎระเบียบทางเทคนิค และกระบวนการตรวจสอบและรับรอง บทความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ บทวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และบทการจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ
นอกจากนี้ยังรวมถึงภาคผนวกภายใต้บทการค้าบริการคือ ภาคผนวกโทรคมนาคม ภาคผนวกการเงิน ภาคผนวกวิชาชีพ สำหรับอีก 7 บทที่เหลือ คือ บทการเยียวยาทางการค้า บทการแข่งขัน บทการค้าบริการ บทกฎถิ่นกำเนิดสินค้า บทการเคลื่อนย้ายบุคคลธรรมดา บทการลงทุน และบทพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปปีนี้
สำหรับความตกลงอาร์เซ็ปจะช่วยให้การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเข้มแข็งและสร้างสภาวะแวดล้อมทางการค้าและการลงทุนที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของภูมิภาค รวมถึงไทย ซึ่งสินค้าของไทยที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมเมื่อเปรียบเทียบกับเอฟทีเอที่ไทยมีอยู่เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติกและเคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ยางล้อ เส้นใย สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง และกระดาษ
โดยความตกลงดังกล่าวยังมีส่วนช่วยส่งเสริมให้การออกกฎระเบียบ และมาตรการด้านการลงทุนมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น และไม่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนจนเกินจำเป็น และช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในประเทศสมาชิกอาร์เซ็ปในสาขาที่ไทยมีศักยภาพอาทิ ก่อสร้าง ค้าปลีก ธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้านสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และบันเทิง ธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคนิคตัดต่อภาพและเสียง การผลิตแอนิเมชั่นและเปิดรับการลงทุนคุณภาพที่ไทยยังมีความต้องการเพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นในประเทศ และต่อยอดเป้าหมายการส่งเสริมอุตสาหกรรม S curve เช่น การวิจัยและพัฒนา สิ่งแวดล้อม โทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ การศึกษา การซ่อมบำรุงชิ้นส่วนอากาศยาน เป็นต้น