วันที่ 6 ต.ค. 62 ที่กองปราบ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1บก.ป. พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.อาจินต์ วังวรรธนะ สว.กก.1บก.ป ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายวิเชียร บุญแก้ว อายุ 46 ปี อาศัยอยู่ที่ต.หนองกลับ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ ตามหมาย จับของศาลจังหวัดชัยนาท ที่ 65/2562 ลงวันที่ 2 ก.ย.62 ในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ ได้ที่ปั้มน้ำมันเชลล์ ถนนฉะเชิงเทรา -กบินทร์บุรี 304 ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเดือน พ.ย.61 ถึง ม.ค.62 น.ส.นิภา (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ชาวต.มะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยนาท เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายวิเชียร บุญแก้ว อายุ 46 ปี ในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ เงินสด 180,400 บาท สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท พร้อมกรอบพระเลี่ยมทองราคา 5,000 บาท และพระหลวงปู่ศุข 1 องค์ ราคา 10,000 บาท รวม 2 รายการ เป็นเงิน 205,400 บาท เหตุเกิดที่บ้านเช่าเลขที่ 48/7 ถ.อู่ทอง จ.ชัยนาท ทั้งนี้ผู้เสียหาย ได้รู้จักกับนายวิเชียร และติดต่อกันทางโทรศัพท์ ทางไลน์ ทางเฟซฯ นายวิเชียร เป็นฝ่ายติดต่อมาก่อนและคบหากันจนสนิทสนม และต่างฝ่ายต่างก็รู้จักกันดีมากขึ้น โดยทั้งคู่ได้ให้คำมั่นสัญญาต่อกันว่าเป็นโสดจากการหย่าขาดกับภรรยา และจะมาทำการสู่ขอตามประเพณี นายวิเชียร บอกว่า มีอาชีพรับเหมาก่อสร้างบ้านลูกค้า ที่ จ.ฉะเชิงเทรา เสร็จแล้วจะมาสู่ขอตามสัญญา เพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความมั่นใจได้พาผู้เสียหายไปรู้จักกับบิดา มารดา ที่ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ จำนวน 3 ครั้ง ต่อมานายวิเชียร ได้ใช้อุบายหลอกลวงขอยืมเงินของผู้เสียหายจำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 180,400 บาท โดยอ้างว่า จะไปซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับการก่อสร้าง โดยให้โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทย จำกัด และแจ้งว่าจะคืนเงินจำนวนดังกล่าว หลังจากที่ได้สร้างบ้านของลูกค้า เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 61 นายวิเชียร ได้มาหาผู้เสียหายที่บ้านเช่า ในถ.อู่ทอง ต.วัดสิงห์ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ขณะที่อยู่ด้วยกันได้เอ่ยปากขอดูพระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ของผู้เสียหายซึ่งมีสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง พร้อมพระหลวงปู่ศุก 1 องค์ ได้ขอยืมใส่เพื่อจะให้ดูดีเวลาติดต่อกับลูกค้า และยังได้ชวนผู้เสียหายไปเที่ยวหา บิดา มารดา ที่ จ.นครสวรรค์ อีกครั้ง ต่อมาเดือน ม.ค. 62 ภรรยาของนายวิเชียร ได้โทรศัพท์มาต่อว่า ผู้เสียหายต่างๆ นาๆ ผู้เสียหายจึงได้พยายามติดต่อกับนายวิเชียร ทั้งทางมือถือ ทางไลน์ ทางเฟซฯ ปรากฏว่านายวิเชียรได้ปิดทุกทางทำให้ติดต่อไม่ได้ ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย และโกรธที่นายวิเชียร ได้มาหลอกแล้วเอาทรัพย์สินไป จึงได้เข้าแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 23 ม.ค.62 ต่อพนักงานสอบสวนเพราะประสงค์ที่จะดำเนินคดีด้วยตนเอง จนกระทั่งศาล จ.ชัยนาท ได้ออกหมายจับเลขที่ 65/2562 ลง 2 ก.ย.2562 ในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ และยักยอกทรัพย์ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว