วันที่ 6 ต.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว. กล่าวว่า พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ 2561 มาตรา 23 บัญญัติไว้ว่า “มาตรา 23 การจัดทำงบประมาณต้องคำนึงถึงประมาณการรายรับ และฐานะทางการคลังของ ประเทศ ความจำเป็นในการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศ ความเป็นธรรมทางสังคม นโยบายรัฐบาล และภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและ เกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ ตามความในมาตรา 23 ไม่มีคำว่า ทบทวน ปรับปรุง เพิ่มเติม ไว้แต่อย่างใด ซึ่งควรแปลว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 นั้น ครม.ชุดปัจจุบันจะต้องจัดทำขึ้นใหม่ภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2562 แต่ปรากฏว่า ตามมติครม. เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2562 เป็นการลงมติเห็นชอบให้นำคำขอตั้งงบประมาณของรัฐบาลชุดก่อนมาปรับปรุงแทนการจัดทำขึ้นใหม่ ทั้งนี้ตามหลักฐานในหนังสือกระทรวงอุดมศึกษา ที่ 02222.4/ว 296 เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2562 ข้อ 1. ที่ระบุว่า “1. ทบทวน ปรับปรุง เพิ่มเติม คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ตามแบบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563” นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า หลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ครม.อาจไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย อีกทั้งตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีถือเป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” และมติคณะรัฐมนตรีถือเป็น “กฎ” ตามความในมาตรา 3 เรื่องนี้จึงเข้าลักษณะเป็นคดีปกครอง ดังนั้น ตนในฐานะเป็นผู้ที่จะได้รับเงินรายเดือนจากงบประมาณ 2563 ด้วย ย่อมได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายจากมติ ครม.ที่ไม่ชอบ และมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ตามความในมาตรา 42 ด้วยเหตุนี้ ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ตนจะไปร้องต่อศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อขอให้เพิกถอนมติครม.ที่ไม่ชอบดังกล่าว