แม่ทัพภาคที่ 3 ถือคำสั่ง ม.44 ส่งทหาร200นายปิดล้อมตรวจค้นสนามกีฬาอบจ.พิจิตรต้องสงสัยเป็นแหล่งมั่วสุมผู้มีอิทธิพล-ผู้เสพ-ผู้ค้ายาเสพติด วันที่ 3 มีนาคม 2560 พล.ท.วิจักษณ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ สั่งการให้ ว่า พลตรีสุพจน์ บูรณจารี ผู้บัญชาการกองกำลังมณฑลทหารบกที่ 36 พันเอก ถนัดพล โกศัยเสวี รองผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1 สนธิกำลังกับหลายหน่วยงานนำกำลังทหารกว่า200นายพร้อมอาวุธครบมือและสุนัขสงคราม รวมถึง ปปส.ภาค6 และ นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ปลัดจังหวัดพิจิตร ได้ร่วมกันเข้าทำการปิดล้อมสนามกีฬาจังหวัดพิจิตร ซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร หลังจากได้รับการร้องเรียนรวมถึงมีหลักฐานจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ที่เข้าทำการตรวจสถานที่แห่งนี้ไปก่อนหน้านี้แล้ว ว่า มีการใช้สถานที่ราชการที่บริเวณอาคารเพลสเซ็นเตอร์เป็นคลับเฮ้าส์ส่วนตัวที่ใช้มั่วสุมของกลุ่มนักเลงหัวไม้และผู้เสพ ผู้ค้ายาเสพติด รวมถึงใช้สถานที่ราชการเป็นที่ดื่มสุรา และเป็นที่หลับนอนของชายหญิง โดยการเข้าตรวจค้นครั้งนี้มีรายงานว่า พลตรีสุพจน์ บูรณจารี ผู้บัญชาการกองกำลังมณฑลทหารบกที่ 36 ได้ถือคำสั่งของแม่ทัพภาคที่ 3 ที่รับคำสั่งโดยตรงจาก นายกรัฐมนตรีให้ใช้ ม.44 เข้าตรวจค้นภายในสนามกีฬาจังหวัด โดยเป้าหมายหลักมุ่งหาสิ่งผิดกฎหมายและยาเสพติด โดยใช้สุนัขดมกลิ่นเข้าดมกลิ่นเพื่อหายาเสพติดตามที่มีผู้ร้องเรียนรวมถึงใช้เครื่อง Iron Scan ซึ่งเป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ตรวจค้นหาคราบเขม่าดินปืนหรือวัตถุระเบิด รวมถึงสิ่งที่เป็นสารเสพติด ซึ่งก็ปรากฏว่าเครื่องได้แสดงผล ว่า ในบริเวณอาคารเพลสเซ็นเตอร์ มีสารหรือสิ่งแปลกปลอมที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นเพียงสัญญาณที่บ่งชี้เท่านั้น แต่การตรวจค้นไม่พบยาเสพติดหรือวัตถุระเบิดแต่อย่างใด แต่ฝ่ายทหารก็ยังไม่ละความพยายามได้ตรวจยึดฮาร์ดดิสก์ของเครื่องบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งภายในสนามกีฬาจังหวัดพิจิตรเพื่อไปค้นหาภาพย้อนหลัง 6 เดือน เพื่อเชื่อมโยงผู้ที่อาจเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและผู้มีอิทธิพลกลุ่มต่างๆ ตามที่มีผู้ร้องเรียนจนเป็นเหตุของการเข้าปฏิบัติการโดยใช้ ม.44 ตรวจค้นในครั้งนี้ ส่วนพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ภายในสนามกีฬาจังหวัดพิจิตรก็ได้ถูกจับตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด แต่ผลการตรวจยังไม่ได้รับการเปิดเผย ในส่วนของระดับผู้บริหารหรือนักการเมืองท้องถิ่นรวมถึงผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆที่ฝ่ายทหารมีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็มีรายงานว่า ทหารชุดเฉพาะกิจนี้ได้แบ่งกำลังไปตรวจค้นในจุดอื่นๆอีก 5 แห่ง รวมถึงจะเชิญตัวให้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการตรวจสารเสพติดในร่างกาย แต่ผลความคืบหน้ายังไม่มีการรายงานออกมาอย่างชัดเจน ว่า พบสิ่งปิดปกติหรือไม่ แต่ประชาชนต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าจากการที่ทหารกว่า 200 นายเข้าตรวจค้นในสนามกีฬาพิจิตรครั้งนี้อาจจะไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายเนื่องจากก่อนหน้านี้ทั้ง สตง. สำนักตรวจสอบพิเศษภาค 11 และผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งก็ได้เข้าไปตรวจสอบแล้วครั้งหนึ่งน่าจะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายไหวตัวเก็บของหลบหนีหรือหลบซ่อนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของการตรวจอาคารที่ทำการอบจ.พิจิตร หลังใหม่ ที่ใช้เงิน 138 ล้านบาท ในการก่อสร้างส่งมอบงานเบิกเงินไปแล้วนานเกือบ 10 เดือน แต่ยังใช้การไม่ได้ก็มีคำสั่งให้หน่วยงานทางวิศวกรหรือกรมโยธาธิการจะได้เข้ามาตรวจมาตรฐานของการก่อสร้าง รวมถึงการใช้วัสดุต่างๆว่าถูกต้องเป็นไปตามแบบหรือไม่รวมถึงราคาจัดซื้อจัดจ้างว่าแพงเกินจริงจนเป็นเหตุให้รัฐบาลเสียประโยชน์ที่เป็นเงินภาษีของประชาชนหรือเปล่า นอกจากนี้กรมทรัพยากรธรรมชาติรวมถึงเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็จะตรวจการสร้างอาคารที่ใช้ไม้ภายในสนามกีฬา ว่า มีแหล่งที่มาของไม้เหล่านั้นถูกต้องหรือไม่ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าจากความเคลื่อนไหววันวานที่ผ่านมาที่มีกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกอบต. นายกเทศบาลตำบล ที่นำรถของทางราชการขนคนมาชุมนุมที่สนามกีฬาจังหวัดพิจิตร เพื่อให้กำลังใจ นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายกอบจ.พิจิตร ที่ถูก สตง.ตรวจสอบ รวมถึงมีการใช้เครื่องเสียงปราศรัยโจมตีสื่อมวลชนแขนงหนึ่ง ว่า ใส่ร้ายป้ายสีรวมถึงตำหนิการทำงานของ สตง. ว่ามารังแกนักการเมืองท้องถิ่นที่ตั้งใจทำงานไม่เคยทุจริตแม้แต่บาทเดียว ทั้งๆที่สตง.เจอหลักฐานการก่อสร้างและการใช้เงินที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน รวมถึงในหลายเรื่อง ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันวานที่ผ่านมานั้นขณะนี้ฝ่ายการข่าวของทางราชการกำลังรวบรวมรายชื่อแกนนำขาประจำที่มีพฤติการณ์ชอบเรียกคนมาชุมนุมหรือก่อม็อบ ซึ่งมีข่าวลือว่าอาจจะต้องโดนเรียกมาปรับทัศนคติ หรืออาจจะต้องโดน ม.44 ให้พักการทำงานในข้อกระทำความผิดที่ว่า นำรถของทางราชการขนคนมาชุมนุมสนับสนุนนักการเมืองท้องถิ่นและผู้มีอิทธิพล ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดความปรองดองและขัดกับนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ก็มีข่าวว่ามีหลายคนที่เป็นผู้นำท้องถิ่นแล้วต้องตกกระไดพลอยโจนหรือถูกบังคับขู่เข็ญได้รับการว่าจ้างให้ค่ารถ ค่าน้ำมัน ให้มาชุมนุมก็กำลังติดต่อขอเข้ารายงานตัวเพื่อขอรับการบรรเทาโทษ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนชาวจังหวัดพิจิตร ส่วนข้อมูลที่ชัดเจนคงต้องรอการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการหลังจากเข้าจู่โจมตรวจค้นเครือข่ายของผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองท้องถิ่นต่อไป