“สอน.”สั่ง“ธ.ก.ส.”โอนเงินช่วยเหลืองวดสุดท้าย 3,293 ล้านบาทเข้าบัญชีชาวไร่อ้อยแล้ว พร้อมเดินหน้าเศรษฐกิจฐานชีวภาพ-สร้างทายาทชาวไร่อ้อยรุ่นใหม่ต่อยอดการทำไร่อ้อยแบบสมาร์ทฟาร์ม 4.0 นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยน้ำพอง จังหวัดขอนแก่นว่าเงินช่วยเหลือชาวไร่อ่อยตามโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต 50 บาทต่อตันอ้อย รายละไม่เกิน 5,000 ตัน งวดที่ 2 ทางสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.)ได้สั่งจ่ายเช็คให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.)โอนเข้าบัญชีชาวไร่อ้อย 160,281 ราย วงเงิน 3,293 ล้านบาท เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา สำหรับมาตรการช่วยเหลือปี 2563 อยู่ระหว่างการพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามอาจจะพิจารณาหลักการเดิมที่เคยให้ความช่วยเหลือปีที่ผ่านมา สำหรับโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต 50 บาทต่อตันอ้อย รายละไม่เกิน 5,000 ตัน คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 10 ต.ค.61 วงเงินงบประมาณ 6,500 ล้านบาท ก่อนหน้านี้จ่ายเงินงวดที่ 1 ไปแล้ว 149,150 ราย วงเงิน 3,203 ล้านบาท นอกจากนี้ สอน.ยังได้ดำเนินนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานชีวภาพ หรือ Bio Economy ขยายต่อห่วงโซ่มูลค่าของสินค้าเกษตร เพื่อแก้ปัญหาปริมาณอ้อยและน้ำตาลล้นตลาดและราคาตกต่ำ โดยการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เช่น ผลิตภัณฑ์กลุ่มพลาสติกชีวภาพ สารให้ความหวานที่มีแคลอรี่ต่ำอย่างสารซอร์บิทอล และสารไอโซมอล์ท เป็นต้น รวมถึงการวิจัยจุลินทรีย์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น และเมื่อใช้ร่วมกับเทคโนโลยีด้านอื่นๆจะทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้พืชเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอย่างอุตสาหกรรมยา อาหารเสริม และเครื่องสำอาง ทั้งนี้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถต่อยอดเป็นอุตสาหกรรมไบโอในอนาคต เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน จึงต้องมีการสร้างคนรุ่นใหม่เพื่อรับช่วงสืบทอดอาชีพเกษตรกรชาวไร่อ้อยต่อไป จึงมอบนโยบายให้ สอน.มุ่งเน้นส่งเสริมการสร้างทายาทชาวไร่อ้อยรุ่นใหม่ ต่อยอดการทำไร่อ้อยให้ไปสู่สมาร์ทฟาร์มหรือไร่อ้อย 4.0 โดยการให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตอ้อยแบบครบวงจร นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกพันธุ์ การเตรียมดิน การบริหารจัดการ ไปจนถึงการขนส่งอ้อยเข้าโรงงาน “เป็นการปรับเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิมสู่การทำเกษตรสมัยใหม่ที่มีการบริหารจัดการเทคโนโลยีและการเกษตรแม่นยำสูง รวมทั้งการใช้วิทยาการ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี โดยภาครัฐจะให้การสนับสนุนการวิจัยและส่งเสริมพัฒนาต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์กลุ่มเกษตรอาหารและชีวภาพ ทำให้ภาคการเกษตรเกิดความก้าวหน้าและขยายวงกว้างไปสู่ชาวไร่อ้อยรายอื่นๆ เป็นการสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้กับธุรกิจและอาชีพชาวไร่อ้อยตลอดไป”