วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเฮี้ย ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ และโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำก้ออันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลน้ำก้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อหาแนวทางในการสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำลุ่มน้ำป่าสักตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรในการอุปโภค บริโภคและการเกษตร ช่วงเช้า องคมนตรีและคณะ รับฟังการบรรยายสรุป และเยี่ยมชมโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเฮี้ย มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน ความกว้างของสันทำนบ 9 เมตร ความยาว 316.744 เมตร ความสูง 42 เมตร ความจุที่ระดับน้ำเก็บกัก 5.4 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 64.83 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำไหลลงอ่าง มีอาคารระบายน้ำล้น ชนิด side chanal ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างหากแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งเก็บกักน้ำที่สำคัญสำหรับช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกในฤดูฝน 4,500 ไร่ และการเพาะปลูกพืชไร่ในฤดูแล้ง 900 ไร่ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคของราษฎรในพื้นที่อันเป็นการสร้างรายได้และความมั่นคงในชีวิตให้แก่ราษฎรเพิ่มขึ้น ต่อมาเวลา 13.30 น. องคมนตรี และคณะฯ เดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำก้ออันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลน้ำก้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ในการนี้ได้รับฟังการบรรยายสรุปถึงพระมหากรุณาธิคุณและผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ฯ ที่กำเนิดขึ้นจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้พิจารณาจัดสร้างอ่างเก็บน้ำตอนบนของลำน้ำสาขาแม่น้ำป่าสักไว้ให้มาก และพิจารณาจัดเก็บให้เหมาะสม สำนักงาน กปร. และกรมชลประทาน ได้สนองพระราชดำริ โดยดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำก้ออันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน ความยาวตามแนวสันเขื่อน 1,227 เมตร ความกว้าง 9 เมตร ความสูงตัวเขื่อน 51 เมตร ความจุของอ่างที่ระดับเก็บกัก 20.58 ล้านลูกบาศก์เมตร แล้วเสร็จเมื่อปี 2554 ปัจจุบันสามารถส่งน้ำสำหรับการเพาะปลูกในฤดูฝน 13,000 ไร่ และการเพาะปลูกในฤดูแล้งได้ประมาณ 5,200 ไร่ รวมถึงสามารถสนับสนุนการอุปโภค บริโภคของราษฎรได้ถึง 1,680 ครัวเรือน นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอุทกภัยตามแนวสองฝั่งลำน้ำก้อ และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งราษฎรได้รับประโยชน์ จำนวน 1,368 ครัวเรือน 5,655 คน รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดให้กับราษฎรได้บริโภค ก่อให้เกิดรายได้อันเป็นการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรที่อยู่ในพื้นที่ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย โอกาสนี้ องคมนตรีได้ให้ข้อแนะนำกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานพร้อมกับพบปะประชาชนในพื้นที่ ซึ่งสร้างความปลาบปลื้มใจให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง