“เฉลิมชัย ขอถอยหยุดวิวาทะสารพิษ 3 ตัว ด้าน “มนัญญา” สั่งอธิบดีในสังกัดแสดงจุดยืนแบน 3 สารกลางที่ประชุมคกก.วัตถุอันตราย ขณะที่ ไบโอไท จี้ “เฉลิมชัย” ในฐานะรมว.เกษตรฯ และเลขาธิการพรรค ปชป.แสดงท่าทีสนับสนุนรมช.เกษตรฯ เร่งถอนหนังสือรองปลัดฯ แนะให้เดินตามมติยังจำกัดการใช้สารเคมี วันที่ 3 ต.ค. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงกรณีเครือข่ายต้านสารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตร 686 องค์กร ที่ต้องการให้รมว.เกษตรฯทำหนังสือแสดงจุดยืนอย่างเป็นทางการของกระทรวงเกษตรฯและพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับสารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตร 3ชนิด พาราควอต ไกลโฟเซส คลอร์ไพริฟอส ว่ายังไม่ทราบเรื่องการทำหนังสือแสดงจุดยืน ซึ่งตนได้รับนัดเครือข่ายฯ686 องค์กร ที่จะมาพบตนวันที่9ต.ค.นี้ จะได้มีการหารือกันในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะไม่พูดเรื่องนี้อีก เพราะหากกล่าวอะไรอาจกลายเป็นวิวาทะโต้กันไปมาไม่เกิดประโยชน์ ด้านน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าตนพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อหาแนวทางยกเลิกใช้สารเคมี3ชนิด อย่างเด็ดขาดโดยรัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯมีแนวทางสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ไม่ต้องสารเคมีใดๆทั้งสิ้น ดังนั้นในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายครั้งหน้าจะให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าของผู้แทนกระทรวงเกษตรฯจากคณะกรรมการฯทั้งหมด29 คน แสดงจุดยืนของกระทรวงเกษตรฯที่จะยกเลิกการใช้สารทั้ง3ชนิด “ดิฉันและนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรมว.กระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าจะสนับสนุนเต็มที่ให้ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงเกษตรฯ ลงคะแนนเสียงยกเลิกแน่นอน เนื่องจากได้เห็นคนไทยเป็นมะเร็งและโรคพาร์กินสัน มากขึ้นและเด็กไทยก็มีไอคิวต่ำลง ซึ่งผลวิจัยจากหลายประเทศ บ่งชี้ว่าเป็นผลจากสารเคมีความเสี่ยงสูงเหล่านี้”น.ส.มนัญญา กล่าว ส่วนกรมวิชาการเกษตร ได้ออกแถลงการณ์จุดยืนถึงบทบาทหน้าที่ของกรม โดยน.ส.เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงแนวทางการดำเนินการของกรมวิชาการเกษตร เกี่ยวกับวัตถุอันตราย3ชนิดว่า กรมวิชาการเกษตรเป็นเพียงหน่วยงานผู้ปฏิบัติตามข้อเท็จจริงตามหลักวิชาการและตามหลักข้อกฎหมาย ที่ให้อำนาจหน้าที่ไว้เพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่มีได้มีอำนาจหน้าที่เบ็ดเสร็จทั้งหมด โดยกรมวิชาการเกษตร พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามทิศทางที่ถูกต้อง ตามข้อเท็จจริง ตามหลักวิชาการและภายใต้กรอบกฎหมายที่ให้ไว้ ขอยืนยันว่ากรมวิชาการเกษตร ไม่ได้ต่อต้านการยกเลิกการใช้วัตถุอันตรายทั้งสามชนิด แต่อย่างใด แต่เป็นการให้ข้อเท็จจริงตามหลักวิชาการเท่านั้น การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเป็นอำนาจของคณะกรรมการที่ระบุไว้ชัดเจนตามกฎหมาย “การยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตร จำเป็นต้องมีข้อมูลและเหตุผลประกอบการยกเลิกที่ชัดเจนที่เพียงพอ เช่นข้อมูลความเป็นพิษของสารเคมี ต่อสุขภาพมนุษย์ สุขภาพสัตว์ รวมถึงการตกค้างในพืชและสิ่งแวดล้อม และมีสารที่ใช้ทดแทนซึ่งกรมวิชาการเกษตร มีหน้าที่ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และขอเน้นย้ำว่าที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ดีที่สุด ตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่ระบุไว้ในกฎหมายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ซึ่งอำนาจหน้าที่กรมวิชาการเกษตร พิจารณาขึ้นทะเบียนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศกระทรวงเกษตร และพิจารณาการขออนุญาต และการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยกรมวิชาการเกษตร พร้อมที่จะปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการ ที่มีอำนาจที่ระบุไว้ชัดเจนตามกฎหมายทุกประการ”น.ส.เสริมสุข กล่าว ขณะที่ นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธิชีววิถี (ไบโอไท) กล่าวว่าได้รับทราบคำสัมภาษณ์ของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เมื่อวันที่2ต.ค.ยืนยันว่าไม่สนับสนุนการใช้สาร3ชนิด ทางไบโอไทขอเรียกร้องให้นายเฉลิมชัย ทั้งในฐานะ รมว.เกษตรฯและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ทำหนังสือยืนยันอย่างเป็นทางการแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนการใช้สารเคมีทางการเกษตร อย่างเป็นทางการ เพื่อลดความสับสนและการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนที่รอให้ยกเลิกการใช้สาร3ตัวนี้ “เนื่องจากคำให้สัมภาษณ์ขัดแย้งกับข้อสั่งการของรมว.เกษตรฯที่ระบุในหนังสือของ น.ส.ดุจเดือน ศศะนาวิน รองปลัดกระทรวงเกษตรฯที่ระบุว่าเมื่อได้นำร่างหนังสือของกรมวิชาการเกษตร วันที่ 17 ก.ย.62 ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯที่ได้เสนอต่อประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ให้พิจารณาแบน3สารเคมี นำมาปรึกษา นายเฉลิมชัย ในวันที่18 ก.ย.62 ปรากฏว่านายเฉลิมชัย เสนอแนะให้กระทรวงเกษตรฯดำเนินการตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในการให้จำกัดการใช้สารเคมี3ชนิดต่อไป”ผอ.ไบโอไท นายวิฑูรย์ กล่าวว่า เพื่อยืนยันจุดยืน รมว.เกษตรฯ และเลขาธิการพรรค ปชป. ไม่เห็นด้วยกับการใช้สารเคมี ขอเสนอให้นายเฉลิม ว่าหนังสือที่ลงนามโดยน.ส.ดุจเดือน ที่กล่าวอ้างข้อเสนอแนะของรมว.เกษตรฯที่ให้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ให้จำกัดการใช้นั้น เป็นความเข้าใจผิดหรือการสื่อสารที่ผิดพลาดของรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ และเรียกคืนหนังสือดังกล่าวโดยเร่งด่วนเพราะนโยบายรมว.เกษตรฯไม่สนับสนุนการใช้สารเคมี2ชนิดตามคำแถลงล่าสุดและให้ทำจดหมายอย่างเป็นทางการในฐานะรมว.เกษตรฯสนับสนุนข้อเสนอของน.ส.มนัญญา ที่ทำถึงประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ให้แบน3สาร รวมถึงมอบนโยบายอย่างเป็นทางการต่อผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ5คนที่เป็นกรรมการวัตถุอันตราย คืออธิบดีกรมวิชาการเกษตร อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมปศุสัตว์ และเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ(มกอช.)เพื่อให้ลงมติแบน3สารเคมี และกำหนดให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่4 ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง “การโยนการตัดสินในการแบนสารพิษร้ายแรงว่าเป็นบทบาทของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือคณะกรรมการวัตถุอันตราย ทั้งๆกระทรวงเกษตรฯเป็นผู้กำกับดูแลการใช้สารพิษทั้งสามชนิดโดยตรงอีกทั้งมีหน้าที่กำกับหน่วยงาน5หน่วยงานที่เป็นกรรมการวัตถุอันตราย5คน แต่กลับไม่ดำเนินการนั้นนอกเหนือจากไม่ส่งผลดีต่อนายเฉลิมชัย แต่จะส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อภาพลักษณ์ของพรรคปชป.และจะมีผลต่อการเลือกตั้งในระดับต่างๆที่เกิดขึ้น จึงเรียกร้องให้นายเฉลิมชัย และพรรคปชป.มีจุดยืนชัดเจนและพิสูจน์ให้เห็นด้วยการกระทำต้องการคุ้มครองสุขภาพของประชาชน ไม่ใช่ปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทสารพิษ”นายวิฑูรย์ กล่าว