กรมชลประทานสั่งให้บริษัทที่ปรึกษาและบริษัทก่อสร้าง คุมเข้มการทำงานพร้อมตรวจสอบความปลอดภัยทุกขั้นตอนในการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำแม่งัด-แม่กวง หวั่นเกิดเหตุการณ์ซ้ำหลังนักธรณีวิทยาเสียชีวิต 2 คน จากหินก้อนใหญ่ร่วงทับ วันที่ 2 มี.ค.นายณรงค์ ลีนานนท์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงกรณีที่พนักงานธรณี ของบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) 2 คนคือ นายปรัชญาวัต วสุอนันต์ และนายปฐมพร ศิริวัตน์ เสียชีวิตในอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด-แม่กวง จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ว่า เกิดจากก้อนหินขนาดใหญ่ได้ร่วงลงใส่พนักงานทั้ง 2 คน เนื่องจากสภาพธรณีไม่ดี ประกอบกับการเสริมความมั่นคงแข็งแรงของชั้นหินที่เพิ่งขุดเจาะยังไม่แล้วเสร็จ จึงทำให้ก้อนหินส่วนบนของอุโมงค์ร่วงลงมา จนเกิดเหตุเศร้าสลดใจดังกล่าว อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก กรมชลประทานในฐานะผู้ว่าจ้าง ได้กำชับผู้รับจ้างและบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงาน จะต้องดำเนินการตรวจสอบควบคุมงานทุกขั้นตอนให้มีมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก พร้อมทั้งได้ให้บริษัทผู้รับจ้าง และบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงาน เพิ่มความเข้มงวดและเสริมมาตรการด้านความปลอดภัยในการดำเนินงานให้มากยิ่งขึ้น สำหรับอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด – แม่กวง ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว โครงการเริ่มตั้งแต่อ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จนถึงอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา แบ่งออกเป็น 2 สัญญา โดยสัญญาที่ 1 มีความยาวอุโมงค์ 12.500 กิโลเมตร เริ่มดำเนินการเมื่อปี พ.ศ.2558 กำหนดแล้วเสร็จปี พ.ศ.2564 และสัญญาที่ 2 มีความยาวอุโมงค์ 10.476 กิโลเมตร ได้เริ่มขุดเจาะในเดือนพฤศจิกายน 2559 กำหนดแล้วเสร็จในปี 2562 การก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำดังกล่าว กรมชลประทานได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อควบคุมงานแบบ Full Supervision (ควบคุมงานเองทั้งหมด) ประกอบด้วย บริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท พี แอนด์ ซี แมเนจเมนต์ จำกัด บริษัท สามารถ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนส์ จำกัด และบริษัท พิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด และบริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง คือ บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามสัญญาเลขที่ กจ.26/2558 (กสพ.) ลงวันที่ 10 มีนาคม 2558 ดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์โดยวิธีการเจาะระเบิด (Drill & Blast) ขนาดอุโมงค์หลักมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.2 เมตร ซึ่งจะสามารถขุดเจาะได้วันละ 4-5 เมตร “จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรมชลประทานขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน เป็นอย่างยิ่ง และได้กำชับให้ผู้ว่าจ้างได้ติดตามเยียวยา ให้ความช่วยเหลือแก่ญาติผู้เสียชีวิตอย่างเหมาะสมตามหลักเกณฑ์ต่อไป” รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าว