จากกรณีเหตุคนร้ายแต่ตัวเหมือนพนักงานไปรษณีย์ ใช้อาวุธปืน จี้ชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ ภายในห้างเพชรทองออโรร่า ซึ่งตั้งอยู่ในร้านไทยวัสดุ สาขาบางนา ถนนบางนาตราดขาดเข้าหลักกิโลเมตรที่ 8 เลขที่ 54 หมู่ 13 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้สร้อยคอทองคำหนักเส้นละ 2 สลึงจำนวน 5 เส้นและเส้นละ 1 สลึงจำนวน 4 เส้นรวม 9 เส้น น้ำหนักรวม 3 บาท 50 สตางค์ มูลค่าร่วมกว่า 7 หมื่นบาท หลบหนีโดยใช้รถตู้ของไปรษณีย์ไทย สาขาบางพลี ยี่ห้อโตโยต้า สีขาวคาดแดง ทะเบียน 1 ฒน 150 กรุงเทพมหานคร ขับหลบหนีมุ่งหน้าทางบางนา กทม. ต่อมา พล.ต.ต. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการ ตำรวจภูธร ภาค 1 มาประชุมติดตามข้อสั่งการ ที่แล้ว เรื่อง คดี ชายแต่งชุด เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทย ใช้ปืนจี้ชิงทองจาก "ห้างเพชรทองออโรร่า" ตั้งอยู่ในร้านไทวัสดุ สาขาบางแก้ว ถนนบางนาตราด กิโลเมตรที่ 8 ขาเข้า กทม.ย่าน ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ว่าทำไมยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ วันนี้ได้ประชุมชุดสืบสวนสอบสวนทั้งภาค 1และสืบสวนสอบสวนภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ สภ.บางแก้ว ว่าการสืบสวนได้ก้าวหน้าไปมากแล้วได้เร่งรัดและสั่งการให้ดำเนินการติดตามตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วและจะดำเนินการอย่างเต็มที่ในคดีนี้ และตอนนี้ต้องรอผลพิสูจน์หลักฐานอยู่ และด้านทางฝ่ายสืบสวนมีการแบ่งชุดทำงานที่ชัดเจน รวมทั้งได้สั่งการให้ สภ.ที่อยู่ใกล้เคียงมาร่วมทำการสืบสวน โดยมอบหมายให้รองผู้การสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการเรียกประชุมและนำคำสั่งไปเร่งรัดติดตามในทุกเรื่องและคิดว่าคดีนี้อาจจะนิดเดียวแต่ฝ่ายสืบสวนไม่ได้หยุดพักเลยตั้งแต่เกิดเหตุมาและขอเวลาให้ฝ่ายสืบสวนทำงานและทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น ส่วนหลักฐานต่างๆนั้นได้มากพอแต่อยู่ในสำนวนสอบสวนได้มากพอตามที่สั่งการไปและได้ทำจนครอบคลุม จะมีเพียงไม่กี่ประเด็นที่กำลังตรวจสอบอยู่ ขอเวลาสัก 2-3 วัน ความชัดเจนจะเกิดขึ้น ส่วนพฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้ายก็เหมือนคดีอื่นๆจะแตกต่างกันที่ใช้เครื่องแบบไปรษณีย์มาก่อเหตุและยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่หรือไม่หรือว่าเป็นพนักงานหรือเคยเป็นหรือไม่และขอเวลาพิสูจน์ทราบโดยขณะนี้ตัวบุคคลทั้งหมดมีข้อมูลดิบหมดแล้วและคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อนเพียงเบื้องต้นคนร้ายได้วางแผนการณ์มาอย่างดีและคาดว่าคดีนี้สามารถคลี่คลายได้แต่ขอเวลาฝ่ายสืบสวนทำงานก่อน