“อนุทิน” เล็งแก้หนีฝุ่นพิษ ให้ทำงานอยู่บ้าน แนะ "คมนาคมคุม" เข้มรถปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน เผย "นายกฯ" สั่ง "ผู้ว่าฯ"ประกาศระดับฝุ่นละออง PM2.5 เป็นระยะ เมื่อเวลา 16 00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ที่ห้องวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมแก้ไขปัญหาค่าฝุ่นละออง PM 2.5 กลับมาเกินเกณฑ์มาตรฐานอีกครั้ง ในหลายพื้นที่กทม.และปริมณฑล ร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และตัวแทนหน่วยงาน พร้อมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นและหมอกควันรวม 16 จังหวัด โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดประชุมว่า ช่วงที่ผ่านมา เราเจอปัญหาอุทกภัยในหลายจังหวัด ปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้น บางส่วนยังต้องระบายน้ำเพิ่มเติม ขณะที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ขณะนี้อยู่ในระดับที่เกินมาตรฐาน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมการรับทราบสถานการณ์ก่อนสั่งการอะไรเพิ่มเติม จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า นายกฯ ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคมให้ลดการใช้พาหนะที่ใช้น้ำมันดีเซล เนื่องจากฝุ่นละออง PM2.5 มาจากการเผาไหม้ของน้ำมันดีเซลเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นกระทรวงคมนาคมต้องไปตรวจสอบว่ารถยนต์แต่ละคันผ่านการตรวจสภาพรถยนต์มาอย่างไร หากพบว่าเขม่าสีดำเกินมาตรฐานต้องจับกุม และหาทางเลือกในการใช้เชื้อเพลิงอื่นๆ ซึ่งนายกฯได้สั่งการให้ผู้ว่าฯดูแลชาวบ้าน และประกาศระดับของฝุ่นให้ชาวบ้านรับทราบตลอดเวลา หากพบว่าเกินเกณฑ์มาตรฐานต้องกำชับให้ระมัดระวังการใช้ชีวิตนอกที่อยู่อาศัย และหากเป็นไปได้จะใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง อย่างไรก็ตาม หากมีฝนตกลงมาก็จะช่วยลดความเข้มข้นของฝุ่นPM 2.5 ลงได้ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรคพร้อมนำหน้ากากไปดูแลชาวบ้านในพื้นที่ที่มีปัญหา และปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นทุกจังหวัด “ขอแนะนำให้ใช้ชีวิตอย่างปกติ และพยายามสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยเฉพาะในช่วงนี้จะต้องติดตามข่าวสาร หากพบว่าฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานจนเกิดน้ำมูก น้ำตาไหล ขออย่าไปคิดว่าตัวเองเป็นภูมิแพ้ แต่จะต้องดูแลตัวเองให้ดี หรือต่อไปหากพบว่ามีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานอาจต้องสนับสนุนหรือรณรงค์ให้คนทำงานอยู่ที่บ้าน โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยในเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปเราก็ต้องปรับไปด้วย และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงขนาดป้องกันไม่ได้ แต่เราต้องหาวิธีรับมือ” นายอนุทิน กล่าว