เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 30 ก.ย.2562 ที่รัฐสภา นายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ เลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท พร้อมกลุ่มนักเรียน 7 คน เข้ายื่นหนังสือ ถึงน.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา และนาย ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติติพันธ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้พิจารณา และทบทวนมาตรฐาน ในการลงโทษเด็กนักเรียนด้วยวิธีที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เรื่องของการไว้ทรงผม ที่นักเรียนในปัจจุบันถูกบังคับให้ตัดผมเพียง 2 ทรง คือทรงนักเรียนและทรงรองทรง ทั้งนี้พบว่า มาตรฐานและระเบียบในการลงโทษเรื่องของทรงผม มีการกำหนดไว้ชัดเจนในหลักของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ในทางปฏิบัติ กลับพบปัญหา เรื่องของการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และมีการลงโทษที่นอกเหนือจากระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้เด็กนักเรียนที่ถูกลงโทษ เกิดความอับอาย เนื่องจากการลงโทษมีลักษณะเป็นการประจาน โดยสิ่งที่ตามมาทำให้นักเรียนต้องยอมรับในสิ่งที่ถูกลงโทษ ทั้งนี้หลักการของกระทรวงศึกษาธิการในการลงโทษมีการระบุชัดเจน 4ข้อ คือ การว่ากล่าวตักเตือน การทำทัณฑ์บน การตัดคะแนนความประพฤติ และการทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนในข้อที่ 6 ยังห้ามมิให้ลงโทษนักเรียน นักศึกษาด้วยความรุนแรง หรือกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความโกรธและความพยาบาท โดยต้องคำนึงอายุของนักเรียนด้วย แต่การลงโทษของครูต่อนักเรียนที่ไม่ปฎิบัติตามกฎระเบียบเรื่องทรงผม ไม่ได้ใช้วิธีลงโทษข้างต้น แต่ใช้การกล้อนผม ตัดผม หรือไถผมนักเรียน สร้างความอับอายให้แก่นักเรียน และกระทบถึงสภาพจิตใจ อาจก่อให้เกิดแผลในใจของนักเรียนได้ น.ส.กุลธิดา กล่าวว่า หลักการปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการมีความชัดเจน ซึ่งตัวแทนจากกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท เห็นชอบกับมาตรฐานของกระทรวงศึกษาธิการ และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการกำหนดทรงผมดังกล่าว ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมีเพียงบางโรงเรียนเท่านั้นที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ซึ่งจะนำประเด็นปัญหาดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมาธิการการศึกษา และจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล เพื่อพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขต่อไป