เพจเฟซบุ๊ก Peace News โพสต์ข้อความ ระบุถึงการบริหารประเทศของผู้นำไทยว่า...
กระทุ้งผู้นำไทยทบทวนตัวเองก่อน ปท.ล่มจม ลั่น รบ.นั่งบนกองทุกข์ ปชช. คือรบ.เห็นแก่ตัว “จตุพร”ยก“เวเนซุเอลา”เป็นอุทาหรณ์สอนความอยากอำนาจผู้นำไทย เตือนระวังจะลำบากจนสิ้นชาติเหมือนเวเนซุเอลาที่เกิดจากผู้นำการเมืองบริหารประเทศผิดพลาด ทำเศรษฐกิจย่อยยับอับจน ค่าเงินแทบเท่ากระดาษเปล่า เมิน“ประยุทธ์”บอกปี 2579 ไทยเป็น ปท.ร่ำรวยของโลก ขำอีกไกลตั้ง 16 ปีจะมีคนรอดปัญหาเศรษฐกิจสักกี่คน แนะทางออกผู้นำต้องถอย ประสานแก้ รธน. เปลี่ยนกติกา ได้รัฐบาลจากประชาชน เมื่อ 29 ก.ย. 2562 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการลมหายใจพีซทีวีเวทีทัศน์ เรียกร้องให้ผู้นำประเทศยอมรับศักยภาพของตัวเองไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ โดยยกประเทศเวเนซุเอลา ซึ่งผลิตน้ำมันรายใหญ่ของทวีปอเมริกาใต้กลับทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในสภาพย่อยยับ จนแทบจะสิ้นชาติ “ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศอยู่ที่การเมือง และแยกออกจากกันไม่ได้ ประเทศเวเนซุเอลาเมื่อการเมืองแย่จึงทำให้ประเทศย่อยยับอับจนอย่างคาดไม่ถึงทันที”นายจตุพร ยกตัวอย่าง นายจตุพร กล่าวว่า ประเทศเวเนซุเอลา ประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ทั้งที่เป็นประเทศผลิตน้ำมันรายใหญ่ของอเมริกาใต้ ขณะนี้สกุลเงินแทบมีค่าเท่ากระดาษเปล่า นั่นเกิดจากการเมืองบริหารผิดพลาดจนทำให้สถานะดีต้องย่อยยับ ประชาชนจึงอพยพล้นทะลักบริเวณชายแดน เพื่อต้องการไปอยู่ประเทศอื่น สำหรับผู้นำไทยบอกว่า ไทยจะเป็นประเทศที่จะมีรายได้สูงขึ้นในปี 2579 นั่นอีก 16 ปีเศรษฐกิจจะดีขึ้น ตนเชื่อ เพราะ เศรษฐกิจย่อยยับถึงเกือบจุดต่ำสุดแล้ว แต่เราโชคดีเป็นประเทศอู่ข้าวอู่น้ำจึงประคองตัวอยู่ได้ ไม่มีคนอดตายเหมือนอีกหลายประเทศ ถ้าไทยไม่ยอมรับความจริงแล้ว จากนี้ไปอีก 16 ปีจะมีคนจนเหลืออีกกี่คน อีกทั้งระบุว่า การเมืองยังไม่มีการพูดใครต้องเสียสละให้ประเทศอยู่รอด ตนไม่ต้องการไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่วเป็นทั้ง รมว.กลาโหม และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แล้วบอกอีก 16 ปีเศรษฐกิจจะดีขึ้น ประเทศไทยจะมีรายได้สูงของโลก ซึ่งเป็นความฝันที่ยากจะบอกได้ว่าระหว่างทางจากขณะนี้ไปถึงปี 2579 จะมีคนรอดสักกี่คน ถ้ายังไม่ทบทวนตัวเอง” "วันนี้ไทยโดยรัฐบาลนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว เพราะรากลึกคนไทยยังจนอย่างสาหัส อยู่ท่ามกลางความมืดมนอนธการ ชนิดไม่เห็นอนาคต วันนี้และต่อไปคนไทยอยากเห็นรัฐบาลจะพลิกฟื้น เศรษฐกิจอย่างไร รัฐบาลควรยอมรับความจริง ศักยภาพของตัวเองที่มีเท่านี้แล้ว ควรเปิดกว้างให้คนมีศักยภาพมากกว่ามาระดมความคิดเห็นเพื่อพลิกฟื้นปัญหาเศรษฐกิจ” นายจตุพร ย้ำว่า จริงอยู่รัฐบาลอยู่ได้ แต่ประชาชนมีชีวิตแสนสาหัส รัฐบาลใดนั่งอยู่บนกองทุกข์ของประชาชน จะเป็นรัฐบาลที่เห็นแก่ตัวมากที่สุด วันนี้ต้องการอธิบายให้รัฐบาลใจเย็นขึ้น เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นผลประโยชน์กับรัฐบาลมากที่สุด เพราะถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ต้องศึกษาจนกว่าจะแก้ไข มาตรา 256 ให้เกิดสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) แล้วเลือกสมาชิก สสร. ได้สภาร่างรัฐธรรมนูญ ตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่าง ยังต้องฟังเสียงประชาชนให้มีส่วนร่วมด้วย จากนั้นจึงทำประชามติในเวลา 90-120 วัน คิดเวลารวมทั้งหมดแล้วร่วม 2 ปี จากนั้น ไม่ได้แค่จบในการมีรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ยังมีกฎหมายลูก ว่าด้วยเลือกตั้ง พรรคการเมือง องค์กรอิสระต่างๆ ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญฉบับที่มีการแก้ไข เพราะเมื่อแก้ไขที่ไม่แตะต้อง 2 มาตราในหมวดพระมหากษัตริย์ กับราชอาณาจักรไทยแบ่งแยกไม่ได้ แต่ที่เหลือต้องกลับไปฟังความประชาชนกัน แต่ต้องหักด่านแรกให้ได้ก่อน นั่นคือเปิดประตูให้มี สสร.เกิดขึ้น ทุกกระบวนการนี้ ในสมัยรัฐบาลนี้สามารถอยู่เกือบครบ 4 ปี ถามว่าเรามีทางเลือกทางอื่นหรือไม่ แต่การเลือกตั้งภายใต้กติกาอันเดิม ก็ได้รัฐบาลแบบเดิมที่พ่วง สว.อย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งการแก้รัฐธรรมนูญต้องฝากอนาคตไว้กับ สว. จำนวนเสียง 1 ใน 3 ของ 250 คนหรือ 84 เสียง ซึ่งถ้าจะพาร่วมแก้ไขด้วยก็มาหมด หากไม่มาก็ไม่มาหมด “ถ้าต้องการให้มาหมด (เสียง สว.) นั้น ประชาชนต้องส่งเสียงให้เห็นพ้องกันว่า วันนี้เราต้องการเปลี่ยนแปลง เพราะวันนี้คนมันเดือดร้อน” นายจตุพร กล่าวว่า ยิ่งมีเลือกตั้งซ่อม เท่ากับเป็นการวัดความพึงพอใจของรัฐบาล ในอดีตเมื่อเลือกตั้งซ่อมฝ่ายรัฐบาลจะส่งคนเดียว ฝ่ายค้านก็ส่งคนเดียว เป็นพรรคฝ่านค้านร่วมและฝ่ายรัฐบาลร่วม ซึ่งจะเป็นเครื่องอธิบายดัชนีความพอใจ ไม่พอใจรัฐบาล "สิ่งที่เราห่วงใยที่สุด คือ ถ้ารัฐบาลรู้ว่าตัวเองไปไม่ไหว แต่อยากอยู่ในอำนาจ ปัญหาก็ไม่จบ ส่วนที่ใหญ่กว่าใครจะเป็นรัฐบาลคือ ประชาชนและประเทศชาติจะอยู่กันอย่างไร ขนาดประเทศมหาอำนาจทางน้ำมันอย่างเวเนซุเอลา วันนี้คนอพยพจนแทบอยู่ในสภาพสิ้นชาติ ซึ่งสภาพเช่นนี้เกิดจากผู้นำพาเศรษฐกิจของชาติพังกันไปหมด” นายจตุพร ย้ำทิ้งท้ายว่า ถ้ารัฐบาลยังทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ตนเชื่อว่า เราจะสะดุดล้มครั้งใหญ่อีก หากทำตัวแบบน้ำไม่เต็มแก้ว เอาประชาชนให้รอดเสียก่อน ทำหน้าตัวเองให้เล็กลง ตนเชื่อว่าคนไทยมีฝีมือเยอะที่จะร่วมระดมความคิดแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ “การที่ผู้นำบอกว่า ปี 2579 ประเทศไทยจะมีรายได้สูง ผมเชื่อ เพราะอีก 16 ปีไม่มีอะไรตกต่ำมากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่ใครจะอยู่ถึงอีก 16 ปีด้วยสภาพการณ์ของประเทศเป็นแบบนี้ ต้องบอกว่าประชาชนอยู่ยากเต็มทีแล้ว”