นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในระหว่างไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กตอนหนึ่งใน “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ว่า ตนไม่ได้เข้าข้างพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้สนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่อยากจะพูดจากประสบการณ์ว่า ใครก็ตามที่มีคนรุ่นใหม่ชื่นชม ถ้าเราไปแกล้งเขา ไปบีบเขามากขึ้น ใครจะไปรู้ว่าพรรคอนาคตใหม่อาจจะอยากให้พรรคตัวเองถูกยุบ เพราะถ้ายุบพรรคได้ คนที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคอนาคตใหม่ก็อาจจะเฮ แต่หารู้ไม่ นั่นคือการย้อนประวัติศาสตร์ที่ตนเคยสู้กับนายทักษิณ ชินวัตร ก็จะมีคนจำนวนมากมายมหาศาลเห็นใจพรรคอนาคตใหม่และนายธนาธรขึ้นมาทันที ตรงนี้ต้องขอเตือนไว้ก่อน พูดอย่างผู้ใหญ่ที่เคยผ่านประสบการณ์มา นายสนธิ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่ที่ไม่เห็นอนาคตของบ้านเมือง ไม่รู้หรอกว่า นายธนาธรมีเบื้องหลังอย่างไร ไม่รู้ว่านายธนาธรเคยให้เงินสนับสนุนนิตยสารฟ้าเดียวกันที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ไม่รู้ว่าบริษัทไทยซัมมิตของครอบครัวนายธนาธรมีปัญหากับคนงาน แต่คนรุ่นใหม่เหล่านั้นเห็นด้วยกับสิ่งที่นายธนาธรพูด และคิดว่านี่คือแสงสว่าง นายสนธิ กล่าวอีกว่า หลังจากตนเองเข้าไปอยู่ในคุก เมื่อออกมาก็ยังพบว่าการเมืองขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยกตัวอย่าง กรณีการแบนสารพาราควอตที่เป็นอันตรายต่อประชาชน ให้คน 29 คนมากำหนดชีวิตคนไทย 65 ล้านคน ต้องชื่นชมนักการเมืองอย่าง น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นคนใช้ได้ พรรคภูมิใจไทยก็ใช้ได้ ต่อสู้ให้ประชาชนหลายเรื่อง แต่ที่เสียใจ ทำไมนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กลับนิ่งเงียบ กรรมการ 29 คน ถ้ามีปัญหานัก ทำไมไม่เสนอ ครม.ให้ยุบแล้วตั้งขึ้นมาใหม่ ปล่อยให้สารพิษพวกนี้มาทำร้ายประชาชนต่อไปได้ยังไง นายสนธิ ยังกล่าวด้วยว่า แม้กระทั่งนายกฯ ที่เคยถูกอิทธิพลข้าราชการประจำครอบงำมาก่อน มาเป็นนายกฯ ในยุคประชาธิปไตยครึ่งค่อนใบ ก็ยังปรับเปลี่ยนจุดยืนมาเห็นด้วยกับการยกเลิกสารพิษ แต่ชีวิตคนไทยทั้งหมดก็ยังอยู่ในเงื้อมมือของคน 29 คน นี่ไง เมืองไทย เปลี่ยนเสียที่ไหน