ช่วงนี้ข่าว ธรรมกาย กำลังดัง โดนโจมตีหนักก็เรื่องเป็น "พุทธพาณิชย์" ขายบุญขายกุศลว่ากันตามจริง เรื่อง "พุทธพาณิชย์" น่าจะถือว่าเป็น "เสน่ห์" ของประเทศไทยเลยทีเดียว ถ้าทำเป็นสินค้าจริงๆ สามารถโกยรายได้เข้าประเทศได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น เชื่อหรือไม่ว่า ทุกวันนี้มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ทัวร์เข้ามาหาซื้อเครื่องรางของขลัง ไหว้พระเกจิต่างๆ ในต่างจังหวัด ไหว้พระพรหม ชมศิลปะที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาเป้นจำนวนมาก แม้กระทั่ง "ไสยศาสตร์" ที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา เช่น การปลุกเสกเลขยันต์ กำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆอย่างการสักยันต์ของ "อาจารย์หนู" ที่ ดาราชื่อดัง "แองเจลิน่า โจลี่" จากฮอลลีวู้ด พาครอบครัวเดินทางมาสักยันต์หลายครั้งในประเทศไทย และระยะหลังก็มีดาราอีกหลายคนเดินทางมาเมื่อรู้ข่าว อย่างคนสิงคโปร์ - มาเลเซีย บางกลุ่ม ถึงขั้นมีความเชื่อมากๆ ว่า เกจิอาจารย์หลายรูปในไทย สามารถมอบพลังบางอย่างให้พวกเขาได้ และจัดทัวร์เดินสายมารับพลัง จาก เกจิอารย์ มากันทีหลายคันรถบัส อย่าง ชาวไต้หวัน มีความเชื่อในเรื่องอิทธิฤทธิ์ของ "พระพรหมเอราวัณ" มากๆ ทำทัวร์มาไหว้กันนานหลาย 10 ปีแล้วปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ถ้าทำกันอย่างจริงจัง รัฐบาลให้การสนับสนุน ก็สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวหาเงินเข้าประเทศได้มากมายมหาศาลอย่าไปมองว่าเป็นเรื่องเหลวไหลงมงายอะไรเลย เพราะทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วว่า มีจริงบ้างไม่จริงบ้าง ก็ว่ากันไปตามความเชื่อของแต่ละบุคคลและที่ถือว่าเป็น "อมตะ" ของการท่องเที่ยวไทยจริงๆ ก็คือ ศิลปกรรมไทย ลายไทย ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และสวยงามไม่แพ้ศิลปะของชาติอื่นใด พวกนี้โปรโมทขายได้ทั้งนั้น ดูง่ายๆ อย่าง วัดร่องขุ่น ของ "อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์" ที่สร้างได้เว่อร์วังอลังการ สวยงามวิจิตรพิศดาร คนทั้งโลกก็แห่กันมาดูส่วน วัดธรรมกาย ที่โด่งดังอยู่ตอนนี้ ก็มีจุดขายของเขา มีการขยายสาขาออกไปทั่วโลก และสามารถโกยดอลลาร์เข้าประเทศไทยได้อย่างมากมายมหาศาลในแต่ละปี แถมมีจุดขายคือ มีศิลปกรรมแปลกใหม่สำหรับชาวพุทธ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าเก่าไปเรื่อยๆ เป็น 100 เป็น 1,000 ปี คนทั่วโลกจะมาดูกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะเจดีย์ที่มีพระพุทธรูปมากเป็นล้านองค์คือ ตอนนี้ชาวพุทธบางส่วนอาจทำใจยอมรับยากในความแหวกแนว แต่ถ้าผ่านไปอีก 100 ปี ความเห็นต่างทะเลาะเบาะแว้งกันในวันนี้ จะหายไปอย่างแน่นอน และจะกลายเป็นสมบัติชาติ ทำเงินเข้าประเทศได้แบบไม่รู้จบ คนไทยพุทธมีหลายระดับ หลายกลุ่ม หลายพวก ซึ่งจริงๆ จะถูกแยกแยะด้วยระดับสติปัญญา สภาพแวดล้อม และการศึกษาหาข้อมูลที่แต่ละคนได้รับพวกที่้เข้าใจเป้าหมายของพระพุทธศาสนาได้ดี ก็คือ กลุ่มชาวพุทธที่แสวงหาทางพ้นทุกข์ หาทางหมดกิเลส ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดตามคติความเชื่อในทางศาสนา แต่มีพวกชาวพุทธบางคน บางกลุ่ม ที่ยึดมั่นถือมั่นเกินไป ถือว่าตนเองถูกต้องที่สุด ใครคิดต่างจากฉัน จะต้องถูกทำลายล้างคนพุทธกลุ่มนี้แหละที่สร้างความแตกแยกในสังคมอย่างมากมาย และจะทะเลาะเบาะแว้งกันไปแบบไม่รู้จบ ถ้าคนอื่นยังไม่ทำตามความเชื่อของพวกเขา...จริงๆ ถ้ามองพุทธในเชิงเศรษฐศาสตร์ มองให้เป็น "พุทธพาณิชย์" เป็นเสน่ห์ของประเทศ เป็นจุดดึงดูดในการสร้างเงินทองเข้าประเทศ ทุกอย่างจะไม่เป็นปัญหาอะไรเลย ที่ผ่านมา เราถูกสอนกันอย่างผิดๆ แล้วจะรู้สึก "ยี้ส์" ขึ้นมาทันที เมื่อมีคนพูดคำว่า "พุทธพาณิชย์"ต่อไปควรจะมีการสั่งสอนกันใหม่ว่า "พุทธพาณิชย์" ที่ไม่ใช่การหลอกลวง ไม่ใช่เกิดจากพวก 18 มงกุฏ หลอกลวงผู้คน พุทธพาณิชย์เหล่านี้ ในอนาคตก็คือ มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ที่จะมีคุณค่ามากขึ้นตามกาลเวลา ดูอย่าง พระสมเด็จวัดระฆัง ของ สมเด็จโต พรหมรังสี จริงๆ ต้นทุนน่าจะองค์ละไม่กี่บาท แต่นานวันเข้าขายกันองค์ละ 10 ล้านบาท มีชาวต่างชาติมากมายอยากได้ไว้ในครอบครอง บางอย่างเราต้องมองไปไกลๆ มองไปถึงชนรุ่นหลังด้วยว่า อะไรคือประโยชน์ของประเทศชาติในระยะยาว อย่าเอาเพียงแค่...ความสะใจ บางสิ่งบางอย่างเมื่อเราสูญเสียไปแล้ว จะทำให้กลับมาเหมือนเก่า...บางครั้งไม่มีทางเป็นไปได้!