นายกฯ ย้ำความสำเร็จไทย พัฒนาหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เผย เตรียมขยายสิทธิประโยชน์ให้กลุ่มเสี่ยงเข้าถึงยาต้านไวรัสเอชไอวี 1 ต.ค.นี้ สานต่อโครงการในพระดำริ เมื่อเวลา  9.00 น. วันที่ 23 ก.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมเต็มคณะระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (High-level Meeting on Universal Health Coverage) โดยนายกฯ ได้กล่าวถ้อยแถลงสรุปสาระสำคัญว่า ความสำเร็จด้านสาธารณสุขของไทยมีพื้นฐานจากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ครอบคลุมประชากรเกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของหลักการ 3 ประการประกอบด้วย 1.ความเท่าเทียม รัฐบาลไทยได้พัฒนาระบบสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึง ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันและรักษาโรค รวมถึงโรคเรื้อรังและโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ ไทยจะขยายสิทธิประโยชน์ รวมถึงการให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อแก่ประชากรกลุ่มเสี่ยง สานต่อความสำเร็จของโครงการในพระดำริของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทูตสันถวไมตรีของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติในการป้องกันเอชไอวีในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก 2.ประสิทธิภาพ รัฐบาลไทยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยจัดสรรงบประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของกองทุนหลักประกันสุขภาพ สำหรับการสร้างเสริมสุขภาพ โดยเพิ่มงบประมาณจากภาษีสุราและยาสูบ และสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนสุขภาพท้องถิ่น และ 3.การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในทุกระดับ ตามแนวทางประชารัฐ รวมทั้งเน้นการส่งเสริมบริการสุขภาพในระดับมูลฐานที่มีชุมชนเป็นศูนย์กลาง   ทั้งนี้ประเทศไทยมุ่งมั่นพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ดียิ่งขึ้น ให้ประชากรทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบางและกลุ่มชายขอบและส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน นอกจากนี้ไทยพร้อมสนับสนุนให้ทุกประเทศบรรลุเป้าหมายของการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยไทยเป็นตัวอย่างของประเทศรายได้ต่อหัวระดับปานกลางที่ประสบความสาเร็จและจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการบริการสาธารณสุขและการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ากับประเทศต่าง ๆ เพื่อให้นาไปประยุกต์ใช้ตามบริบทของแต่ละประเทศ