นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการ ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง "ผลกระทบนโยบายการค้าของทรัมป์ ต่อสินค้าไทยและอาเซียน ว่า จากนโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เป็น 45% เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีนที่สูงกว่า 12 ล้านล้านบาท ซึ่งนโยบายจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในทางอ้อม โดยไทยจะมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯลดลง ถึง 4.9% หรือคิดเป็นมูลค่าการค้าที่หายไป กว่า 3 หมื่น 9 พันล้านบาท เพราะสินค้าในห่วงโซ่อุปทานของไทย อยู่ในกลุ่มสินค้าที่จีนส่งออกไปสหรัฐฯ และปัจจุบันสหรัฐฯนำเข้าจากจีนมากสุดเป็นอันดับ 1 เป็นสัดส่วนถึง 21.1% มูลค่ากว่า16 ล้าน 3 แสนล้านบาท รองลงมาเป็นเม็กซิโก และแคนาดา ส่วนสินค้าไทยสหรัฐฯ นำเข้ามากเป็นอันดับที่ 16 หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.3% ของการนำเข้าของสหรัฐฯ แต่ดุลการค้าของไทยยังเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯถึง กว่า 4 แสน 2 หมื่น 8 พันล้านบาท ดังนั้นขณะเดียวกัน อาจจะเป็นโอกาสของการส่งออกไทย ในสินค้ากลุ่มอื่นเพื่อทดแทนสินค้าจากจีนได้ โดยปีที่ผ่านมาสินค้า ที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯมากที่สุด คือ เครื่องจักร รองลงมาเป็นอุปกรณืไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วน รวมถึง ยางและผลิตภัณฑ์ยาง ทั้งนี้หากสหรัฐฯเก็บภาษีจากจีนเพิ่มขึ้นทุกๆ 1% จะส่งผลให้จีนส่งออกไปสหรัฐลดลง 0.3% ดังนั้นหากเก็บสินค้าจากจีนถึง 45% จะทำให้การส่งออกของจีนลดลง 11.4% หรือ เป็นมูลค่ากว่า 1 ล้าน 7 แสน ล้านบาท และทำให้การส่งออกของไทยไปจีน ลดลงถึง 13.3% รวมมูลค่ากว่า 1 แสน 1 หมื่น 500 ล้านบาท นอกจากนี้จากนโยบายที่สหรัฐฯ พยายามทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงส่งผลให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ก็ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยทั้งไปจีน และสหรัฐฯลดลงด้วย โดยค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น 5-15% จะทำให้มูลค่าการส่งออกไทยลดลง 7,526-13,778 ล้านบาท ขณะที่นโยบายการยกเลิกข้อตกลง TPP นั้นจะทำให้ไทยได้เปรียบการค้ามากขึ้น เพราะทุกประเทศจะมีสิทธิเท่าเทียมกันทางการค้า ทำให้การส่งออกไทยมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 1 หมื่น 1 พัน 890 ล้านบาท นอกจากนี้ มองว่านโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่คาดว่าจะประกาศออกมา ทั้งการเพิ่มภาษีนำเข้าจีน การทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าทำให้ค่าเงินหยวนแข็งค่า การส่งออกของญี่ปุ่นไปสหรัฐเพิ่มขึ้น และการยกเลิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เอเชียแปซิฟิก หรือ ทีพีพี ของสหรัฐฯนั้นเป็นผลดีต่อประเทศไทย เพราะจะทำให้แต้มต่อในส่วนของประเทศคู่แข่งจะลดลง ในเรื่องของนโยบายภาษีต่างๆ โดยศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศประเมินว่าผลกระทบจาก นโยบายทรัมป์ที่มีต่อประเทศไทยและผลดีที่ได้รับจะทำให้ไทยได้ประโยชน์จากการส่งออกไปสหรัฐฯที่ 2,582ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน ไทยและอาเซียน ควรเร่งผลักดันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP (อา-เซ็บ) และ ไทยควรทำเอฟทีเอกับสหรัฐฯ ตลอดจนเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีและต้องมีการเฝ้าระวังเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้ที่ผันผวนมากขึ้น