ธ.ก.ส.จ่ายเงินช่วยเหลือโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 อัตรา 500 บาทต่อไร่ สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน เข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงแล้ว 1.77 ล้านครัวเรือน เป็นเงินกว่า 10,976 ล้านบาท จากเป้าหมาย 4.31 ล้านครัวเรือน วงเงินกว่า 24,000 ล้านบาท บรรเทาความเดือดร้อนจากภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น-สร้างแรงจูงใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวแก่เกษตรกร พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือดูแลเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติวงเงิน 65,000 ล้านบาท เร่งลงพื้นที่เยี่ยมเยียนเกษตรกรเพื่อรับทราบปัญหาและมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัย เมื่อวันที่ 22 ก.ย.62 นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังและประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนเกษตรกรพร้อมมอบเงินช่วยเหลือตามโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 มอบเงินค่าสินไหม แก่เกษตรกรผู้ประสบภัยแล้งที่เข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 และมอบถุงยังชีพแก่เกษตรกรที่ประสบอุทกภัย จำนวนกว่า 1,000 ราย โดยมีนายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงานในสังกัดสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดขอนแก่นร่วมกิจกรรม ที่ว่าการอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังและประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรที่ประสบภัย ทั้งภัยแล้งและอุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อรายได้และเศรษฐกิจโดยรวม จึงได้กำหนดมาตรการช่วยเหลือต่างๆผ่าน ธ.ก.ส.เช่น โครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 โดยมอบเงินช่วยเหลือค่าต้นทุนการผลิตในอัตราไร่ละ 500 บาทตามพื้นที่ที่ปลูกข้าวจริงแต่ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ วงเงิน 24,810 ล้านบาท ทั้งนี้มีเป้าหมายเกษตรกรที่จะได้รับประโยชน์ 4.31 ล้านครัวเรือนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้งและน้ำท่วมที่ส่งผลให้เกษตรกรมีภาระต้นทุนการผลิตข้าวสูงขึ้น และยังเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อีกทั้งเพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว นอกจากนี้ในส่วนของเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ได้มอบหมาย ธ.ก.ส.พิจารณาให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นได้จัดหาถุงยังชีพไปมอบให้ผู้ประสบภัย การเข้าไปสนับสนุนศูนย์อพยพหรือจุด รวมพลเพื่อเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือและเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติจะพิจารณามอบเงินช่วยเหลือทั้งในเรื่องของการซ่อมแซมบ้าน ของใช้จำเป็นในครัวเรือน การซ่อมแซมเครื่องมือ เครื่องจักรกลทางการเกษตร เป็นต้น ส่วนภาระหนี้สินที่มีอยู่กับ ธ.ก.ส. ได้มีมาตรการขยายระยะเวลาชำระหนี้ และพิจารณาให้สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่จำเป็นในครัวเรือน เพื่อป้องกันการก่อหนี้นอกระบบ ไม่เกินรายละ 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ในช่วง 6 เดือนแรก และสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูการผลิตและการพัฒนาคุณภาพชีวิตเช่น ค่าลงทุนสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือเครื่องจักรกลที่จะนำมาใช้ในการฟื้นฟูอาชีพ เป็นต้น ไม่เกินรายละ 500,000 บาท ชำระคืนไม่เกิน 15 ปี อัตราดอกเบี้ย MRR-2 หรือเท่ากับร้อยละ 4.875 ต่อปี รวมวงเงินสินเชื่อเพื่อรองรับมาตรการต่าง ๆ ดังกล่าว จำนวน 65,000 ล้านบาท นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส. ได้เร่งโอนเงินตามโครงการแก่เกษตรกร ไปแล้วจำนวน 1,773,549 ครัวเรือน เป็นเงินกว่า 10,976 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่1)กับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยอีกร้อยละ 60 ทางกรมส่งเสริมการเกษตรจะทยอยส่งข้อมูลการเพาะปลูกให้ ธ.ก.ส.เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของโครงการและเตรียมจ่ายเงินต่อไป โดยมีระยะเวลาการจ่ายเงินตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธ.ค.62 ยกเว้นภาคใต้ถึงวันที่ 30 เม.ย.63 ทั้งนี้การโอนเงิน ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ซึ่งเกษตรกรสามารถตรวจสอบรายชื่อและสถานะการโอนเงินได้ที่ลิ้งค์ https://chongkho.inbaac.com และตรวจสอบจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีผ่าน ธ.ก.ส. A-Mobile ตู้ ATM ทุกธนาคารและเครื่องปรับสมุดเงินฝากอัตโนมัติของ ธ.ก.ส. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและสามารถเบิก-ถอนเงินจำนวนดังกล่าวได้ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขา หรือใช้บริการผ่านตู้ ATM ได้ทุกธนาคาร รวมทั้งสามารถนำไปใช้จ่ายผ่าน ธ.ก.ส. A-Mobile คาดว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรมีสภาพคล่องในการใช้จ่ายและกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยได้มอบหมายให้พนักงานในพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพจากกองทุนบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยธรรมชาติและภัยพิบัติ จำนวนกว่า 27,000 ถุง พร้อมสนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม บริการสุขาเคลื่อนที่ เต็นท์สนาม ที่ศูนย์อพยพหรือจุดรวมพล อีก 13 จุด ขณะที่ในส่วนของมาตรการช่วยเหลือด้านภาระหนี้สิน ธ.ก.ส.จะพิจารณาขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไป เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตามความหนักเบาของผู้ประสบภัยทุกรายและได้ดำเนินการจ่ายสินเชื่อฉุกเฉินให้เกษตรกรที่ประสบภัย ทั้งภัยแล้งและอุทกภัยไปแล้วกว่า 24,000 ราย วงเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท และสินเชื่อสำหรับฟื้นฟูผู้ประสบภัย จำนวน 2,073 ราย วงเงินประมาณ 400 ล้านบาท โดยในส่วนของ จ.ของแก่น มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 ได้รับเงินสนับสนุนต้นทุน การผลิต จำนวน 192,675 ครัวเรือน เป็นเงิน 1,025 ล้านบาท และได้จ่ายค่าสินไหมทดแก่เกษตรกรผู้ประสบภัยแล้งที่เข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 จำนวน 13,100 ราย พื้นที่การเกษตร 161,793 ไร่ เป็นเงิน 218 ล้านบาท ทั้งนี้เกษตรกรที่ประสบความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติหรือมีข้อสงสัย ในมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ สามารถติดต่อ ธ.ก.ส. ในพื้นที่ หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ Call Center 02 555 0555