กล้องวงจรปิดริมถนนสาย 201 ชัยภูมิ ชุมแพ จับภาพ 2 วัยรุ่น ซ้อนท้ายจักรยานยนต์ มีอาวุธปืนคนละกระบอก ขับขี่ไล่ล่าคู่อริก่อนใช้ปืนกระหน่ำยิงคู่อริจอดรถคุยกันข้างรถบรรทุกน้ำมันหวิดบึ้ม ก่อนวัยรุ่นวิ่งหนีแตกกระเจิงกระสุนพลาดไปถูกชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ ตำรวจ สภ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ตามจับวัยรุ่นมือปืนได้ไม่ทันข้ามวัน ยอมรับสารภาพก่อนนำตัวมาทำแผนประกอบคำสารภาพ เมื่อคืนที่ผ่านมา 00.30น.คืนที่ผ่านมา(18ก.ย.62)กล้องวงจรปิดริมถนนสาย 201 หน้าโรงพยาบาลแก้งคร้อหมู่ที่ 1 ตำบลช่องสามหมออำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ห่างจากสถานีตำรวจภูธรแก้งคร้อ เพียง 300 เมตร ได้จับภาพขณะมีวัยรุ่นชายหญิงจำนวน 7 คน ที่ได้จอดรถจักรยานยนต์อยู่บนถนนใกล้กับรถบรรทุกน้ำมันคันหนึ่งที่จอดอยู่ริมถนน และได้มีวัยรุ่น 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์นั่งซ้อนท้ายกันก่อนชักปืนยิงเข้าใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิงที่ยืนคุยกันอยู่กลางกลางดึกหลายนัด ยิ่งกว่าฉากบู๊ในภาพยนตร์ เหตุเกิดได้เกิดขึ้นเวลา 00.30น.เมื่อคืนที่ผ่านมา(18ก.ย.62) โดยกลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ และนั่งซ้อนท้ายกันมา ก่อนชักปืนคนละกระบอก กระหน่ำยิงกลุ่มวัยรุ่นคู่อริ ทั้งชายและหญิง 7 คน ที่นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ใกล้กับรถบรรทุกน้ำมัน จนกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงที่ยืนคุยกันอยู่ วิ่งหนีแตกกระเจิง แต่กระสุนได้พลาดไปถูกชาวบ้านขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาจนทำให้ได้รับบาดเจ็บไป 1 คน และยังยิงปืนขึ้นฟ้าอีกหลายนัด มีกระสุนปืนนัดหนึ่งเฉี่ยวใต้ท้องรถบรรทุกน้ำมัน หวิดทำให้รถบรรทุกน้ำมันระเบิด ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์หนีไป มุ่งหน้าไปทางถนนสายแก้งคร้อ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ก่อนนำคนเจ็บส่ง รพ.แก้งคร้อ และแจ้งความให้ตำรวจ สภ.แก้งคร้อ มาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนเชิญตัวผู้อยู่ในที่เกิดเหตุไปให้ปากคำที่ สภ.แก้งคร้อ ทราบชื่อผู้ถูกกระสุนชื่อนางบุญส่ง ชาวสวน อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 12 ตำบลหนองไผ่ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ถูกกระสุนปืนที่น่องขาขวากระสุนฝังในถูกหามส่ง รพ.แก้งคร้อ และถูกนำตัวรักษาต่อที่ รพ.ชัยภูมิเพื่อผ่ากระสุนฝังในออกจากน่องขาขวา ในตอนเช้าวันนี้(18 กันยายน 62)เวลา08.00น. พันตำรวจเอกสุธีพัฒน์ วชิรโชติสกุล ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรแก้งคร้อ อำเภอแก้งคร้อจังหวัดชัยภูมิ ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบลงพื้นที่หาหาเบาะแสผู้ก่อเหตุ จนพบและเข้าจับกุม 2 วัยรุ่น ได้ที่บ้านพักภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในอำเภอแก้งคร้อ ทราบชื่อนายนคเรศ หรือคิว ท่อนคำ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ที่ 9 ตำบลหนองไผ่ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิและนายธีรภัทร หรือแฟรงค์ บัวแก้ว อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 หมู่ที่ 3 ตำบลหนองไผ่ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ พร้อมยึดของกลางที่ใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธปืนลูกโม่ดัดแปลง ขนาด 32 มม. ไม่มีหมายเลขทะเบียน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาดจุด 32 มม.จำนวน 11 นัด ปลอกกระสุนขนาดจุด 32 จำนวน 4 ปลอกอยู่ในรังเพลิง กระสุนปืนชนิดอื่นที่ค้นพบในบ้านอีก 5 นัด พร้อมกับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าสีดำรุ่น MSX ทะเบียน ก.ก.ฉ. 8542 ชัยภูมิ คันที่ใช้ขับขี่ไปก่อเหตุ ก่อนนำตัวผู้ก่อเหตุวัยรุ่นทั้ง 2 คน ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.แก้งคร้อ ซึ่งทั้งนายนคเรศ หรือคิว และนายธีรภัทร หรือแฟรงค์ ได้ให้การยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง ก่อนที่ช่วงบ่ายเวลา 15.30 น. ตำรวจ สภ.แก้งคร้อ ได้นำตัวทั้งนายนคเรศ หรือคิว และนายธีรภัทร หรือแฟรงค์ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ และริมสระน้ำจุดที่นำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ อีก 1 กระบอก ไปโยนทิ้งในสระน้ำ ก่อนหลบหนีไปกบดานที่บ้านพัก ก่อนตำรวจจะติดตามจับกุมตัวได้ ซึ่งทั้ง 2 คนบอกว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มตนเอง ได้ไปเที่ยวร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในตัวอำเภอแก้งคร้อ และไปพบกับกลุ่มคู่อริ นั่งรับประทานอยู่ก่อนแล้ว จะมีปากเสียงกันเล็กน้อย และหลังจากร้านอาหาร ปิด เวลาเที่ยงคืน กลุ่มผู้ต้องหาได้ขี่รถจักรยานยนต์ ตามกลุ่มคู่อริมา จนถึงบริเวณ หน้าโรงพยาบาลแก้งคร้อ ริมถนน 201 ที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ชักปืนออกมา กระหน่ำยิง กลุ่ม คู่อริ จนวิ่งหนีแตกกระเจิง พวกตนจึงขี่รถจักรยานยนต์นำปืนที่ใช้ยิงก่อเหตุ 1 กระบอกโนนทิ้งในสระน้ำ ด้านพันตำรวจเอกสุธีพัฒน์ วชิระโชติสกุล กล่าวว่า ภายหลังตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดและสอบสวนผู้อยู่ในที่เกิดเหตุและทราบว่าผู้ต้องสงสัยเป็นใครแล้ว ในตอนเช้าวันนี้(18) จึงได้ร่วมกันออกติดตามผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 และไปติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ทั้ง 2 คนได้ที่บ้านพัก ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มาสอบสวนที่ สภ.แก้งคร้อ ผู้ต้องหา ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุลงมือยิงคู่อริจริงตามที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยตั้งข้อหาหนักกับวัยรุ่นทั้ง2 คนคือ พยายามฆ่า และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรและไม่รับอนุญาต ก่อนที่จะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อส่งตัวดำเนินคดีต่อไป..