วันนี้ (18 ก. ย. 62) ศาลจังหวัดพัทยานัดพิพากษาคดีที่นายปัญญา ยิ่งดังหรือเสี่ยอ้วน เจ้าของผับที่หาดป่าตองจังหวัดภูเก็ตพร้อมพวกรวม 6 คนร่วมกันฆ่านางสาวปวีณา นาเมืองรักษ์หรือสปาย และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือฟอส บริเวณลานจอดรถหน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ จ. ชลบุรี เมื่อปี 2561 โดยศาลจังหวัดพัทยา พิพากษาประหารชีวิต นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน กับพวก คดีร่วมฆ่าสปาย-ฟอส บริเวณลานจอดรถหน้าเขาชีจรรย์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2561ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 3 ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนนาย สายันต์ มือชี้เป้า ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 50 ปี (2กรรม) จำเลยที่ 3 และ6 ศาลสั่งจำคุกกรรมละ 12 ปี ลดโทษ เหลือรวมจำคุก 16 ปี พร้อมให้จำเลย 1-6 ชดใช้ครอบครัวน้องฟอส 7,320,000 บาท และครอบครัวน้องสปาย 7,312,000 บาท นางวันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่ของสปายที่เดินทางมารับฟังคำพิพากษาบอกก็รู้สึกพอใจกับคำตัดสินของศาลพัทยาซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไร โดยเล่าว่าเมื่อเข้าไปคำพิพากษานั้น เสี่ยอ้วน ได้ยกมือขอโทษแต่ตนก็ไม่ได้พูดอะไรก็ได้นั่งลง สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2561 กลุ่มคนร้ายได้ดักยิงสปายและฟอสเสียชีวิตขณะกำลังเดินขึ้นรถหลังทั้งคู่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่จังหวัดชลบุรีการสืบสวนของตำรวจพบว่าคนวางแผนก่อเหตุคือนายปัญญาหรือเสี่ยอ้วนโดยมีสาเหตุมาจากเรื่องชู้สาวก่อนวันเกิดเหตุ 2 วันเสี่ยอ้วนเดินทางจากสนามบินภูเก็ตมาลงเครื่องที่สนามบินอู่ตะเภาก่อนนัดกับลูกน้องทีมสังหารลงมือก่อเหตุก่อนจะหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชาทางด่านชายแดนจังหวัดสระแก้วตำรวจจึงได้ประสานตำรวจกัมพูชาจับกุมเสี่ยอ้วนเอาไว้ได้การสอบสวนเสี่ยอ้วนในขณะนั้นยอมรับลงมือก่อเหตุเพราะแค้นใจที่ถูกสปายและฟอสหลอกลวงมาตลอด 3 ปีว่าเป็นเพื่อนสนิทกันทั้งที่ทั้งคู่คบหากันทำให้เขาต้องการล้างแค้นคนทั้งคู่เพราะเขาทยอยโอนเงินให้สปายและครอบครัวเป็นค่าเลี้ยงดูรวม 7 ล้าน "เสี่ยอ้วน" และทีมสังหารถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดชลบุรีระหว่างการพิจารณาคดีโดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว