“บิ๊กตู่” โวย โดนด่าเรื่องเลี้ยงปลาตอนน้ำท่วมฉะ สื่อ ฉายภาพประเทศด้านลบ ถามหาจรรยาบรรณ เสนอ 2 ทาง สั่ง ผู้บริหารลงพื้นที่ อย่าแต่บนหอคอย แย้ม เปิดลงทะเบียนคนจนเพิ่ม ลั่น จำเป็นต้องสาดกลับ ปล่อยให้สาดฝ่ายเดียวไหวเหรอ ชี้สังคมจะได้แยกแยะใครดี ไม่ดี บอก ปท.ต้องเป็นเหรียญดีทั้ง 2 ด้าน ซัดมีพวกชอบคุ้ยจับผิด ประชดหายใจยังผิด เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพคฟอรั่ม อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดการประชุมประจำปี 2562 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เรื่อง การขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่ เชื่อมไทย ก้าวไกล เชื่อมโลก ” โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวรวุฒิ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมงาน และนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สศช.ให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดการประชุม ตอนหนึ่งว่า วันนี้เราต้องมองว่าประเทศอยู่ตรงไหน และมีคนกี่กลุ่ม จะทำอย่างไรให้เดินไปด้วยกันได้ ยอมรับว่ามีปัญหาหลายอย่าง แต่ในความเป็นคนนั้น ถือว่าเท่ากันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือใครก็ตาม มีเกียรติยศและศักดิ์ศรีเท่ากัน เราต้องหาจุดกึ่งกลางให้ได้ แต่วันนี้กลายเป็นว่า ไม่ซ้ายก็ขวา ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ประเทศไทยก็ไปไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับน้ำท่วมได้สั่งการให้ทำแก้มลิง แต่ไม่ได้สั่งให้ทำแบบกระจ๊อกกระแจ๊กหรือสั่งให้ประชาชนเลี้ยงปลา มันเป็นคนละเรื่อง แต่พูดถึงแก้มลิงขนาดใหญ่ เป็นทะเลสาบ ให้พื้นที่น้ำท่วมไหลลงมาสู่แก้มลิงได้ ระยะยาวจะเรียกว่าทะเลสาบ ระยะสั้นจะเรียกว่าแก้มลิง ซึ่งรัฐจะต้องจ่ายค่าเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้าง “ช่วงนี้ก็ปล่อยปลาลงไปเพื่อให้ชาวบ้านได้จับ ไปกินไปขายไปใช้ ผมไม่ได้คิดง่ายๆอย่างที่มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่ให้คนปลูกข้าวเปลี่ยนมาเลี้ยงปลา ไปสร้างภาพลักษณ์ผมในทางที่ไม่ใช่ ไม่ใช่สิ่งที่ผมถ่ายทอดออกไป หรือพูดออกไป เป็นคนละเรื่องคนละประเด็น ถ้าผมคิดอย่างนั้นนะ ผมไม่ต้องเป็นนายกฯ หรอก เป็นผู้หมู่ยังไม่ได้เลย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลักการทำงานฝ่ายปฏิบัติจะต้องตอบประชาชนให้ได้ ไม่ใช่นายกฯ ตอบคนเดียว มันไม่ได้ ต้องบอกประชาชนว่าสิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้ ถ้าไม่พูดความขัดแย้งก็จะเกิดสูง แล้วถ้านายกฯ ไปพูดก็จะหนักและแรง ผู้บริหารต้องไม่นั่งอยู่บนหอคอยอย่างเดียว อย่ามัวเซ็นหนังสืออย่างเดียวต้องลงพื้นที่ การเป็นผู้บังคับบัญชาคน จะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะมีความเสี่ยงสูง ไม่ใช่สบายมากขึ้น ตนขอสั่งวันนี้เลย เป็นผู้บังคับบัญชาต้องมีการวางแผนไม่ใช่สั่งการร้อยเรียงตามเอกสาร นโยบายต้องแปลงไปสู่การปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นข้างบนไม่เข้าใจ ข้างล่างไม่เข้าใจ เขียนหนังสือสั่งไปเขาก็ทำตามตัวหนังสือ พอชาวบ้านถามก็ตอบไม่ได้ ก็กลับมาด่านายกฯ ตนว่าไม่ใช่ แต่ไม่เป็นไรตนชินแล้ว บางเรื่องไม่ใช่ต้องมาว่าถึงนายกฯ ถึงรัฐบาล ท่านตอบก็ได้ ถ้าท่านเอาใจใส่สักหน่อยนึง อ่านบ้างทำงานต้องอ่านเอกสาร อ่านหนังสือ อย่ารอสั่งด้วยปากอย่างเดียว หนังสือเยอะแยะตีความให้แตก “การนำเสนอผมไม่ว่า แต่ต้องนำเสนอสิ่งดีๆ ต้องมีจรรยาบรรณ นำเสนอ2ด้านเสมอทั้งดีและไม่ดี เพื่อให้เห็นว่าประเทศไทยอยู่ตรงไหน ตอนนี้ทุกคนมองแต่ภาพแย่ๆ มันก็แย่ตามไปหมด แล้วคนอื่นจะเข้าใจว่าดีได้อย่างไร ไม่รู้เหมือนกัน ก็แล้วแต่ท่านจะรักประเทศหรือไม่ก็เรื่องของท่าน แต่ผมคิดว่าผมรัก และรักด้วยใจของผม ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็คิดเหมือนกัน มีบางคนเท่านั้นเอง ผมไม่ได้ว่าใคร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว นายกฯ ยังได้กล่าวอีกว่า ในกรุงเทพฯ สถานที่ต่างๆ ยังอยู่ในที่เดิม ทำอย่างไรให้ขยายไปรอบนอกบ้าง จะย้ายเมืองหลวงอย่างเขาไหม ก็ต้องไปคิดมา จะย้ายไปที่ไหน ใช้งบประมาณอย่างไร หรือจะขยายรอบกรุงเทพฯ ให้กว้างขึ้น จะได้เข้าพื้นที่ใจกลางเมืองให้น้อยลง เพราะวันนี้การจราจรมันติด ที่สำคัญคนใจร้อน ระบบไม่พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรลงมาแก้ปัญหาก็โดนด่าว่ารถติดมากกว่าเดิม ทำให้ไม่มีใครอยากทำงาน รัฐต้องแก้ปัญหาตรงนี้ วางระยะเวลาให้ถูกว่ากรุงเทพฯ ควรเป็นอย่างไร รัฐบาลก่อนไม่เคยทำได้เพราะเกิดความขัดแย้ง ประชาชนไม่ยอม ดังนั้น การสร้างความรับรู้กับประชาชนจึงจำเป็นให้เกิดความพอใจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราจะต้องหากลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาว่าประชาชนต้องการอะไร ต้องตัดเสื้อเฉพาะตัวให้เขา ดูง่ายๆ จากการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยมีจำนวน 14.6 ล้านคน ไม่ใช่เพราะคนจนมากขึ้น แต่เขาจนอยู่แล้วแต่ขึ้นบัญชีไม่ทัน ซึ่งจะเปิดลงทะเบียนเรื่อยๆ เปิดไปเปิดมาจะมากกว่านี้ 30-40 ล้านคนก็ยังไม่รู้ แต่เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมดูแลคนเหล่านี้ ไม่ใช่ไม่ดูแลเลย ภาษีที่จัดเก็บเพื่อนำมาสร้างโอกาส ความเท่าเทียมให้เขาแข็งแรงขึ้น แต่อย่าบอกว่าเดี๋ยวรวยๆ มันรวยไม่ได้หรอก ต้องดูว่าต้นทุนตัวเองมีเท่านี้ นายกฯ กล่าวว่า ตนเป็นคนคิดเร็วบางทีอาจจะถูกบ้างผิดบ้าง ตนอ่านหนังสือบ้าง ดูโทรทัศน์บ้าง ประเทศโน้นเขามีอะไรบ้าง ต้องพัฒนาตัวเองร่วมกันเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ไม่ใช่เพียงนายกฯคนเดียว พูดเลยเวลานัดอีกแล้วมีแขกนัดตน เดี๋ยวต้องไปพบแขก วันนี้กำลังแข่งกันด้วยสิทธิประโยชน์ประเทศสังคมนิยมอย่างนึง ประเทศประชาธิปไตยก็ยังหนึ่ง ทุนเสรีทุนนิยมอะไรเหล่านี้ กลับของประชาธิปไตยมันต่างกันหมด หลายคนจะไม่เอาอย่างโน้นอย่างนี้ ตนถามว่าเคารพกฎหมายกันบ้างหรือเปล่า กฎหมายมีแต่ไม่เคารพ แล้วไปทำให้เขาได้หรือไม่ก็ไม่ได้อยู่ดี ของเขามีทุบตีเฆี่ยงบ้าง ทำไมไม่ไปดูตรงโน้น มาดูตรงนี้ตรงนายกฯนี่แหละ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้หลายอย่างไม่มีอะไรประหลาดเลยในการทำงาน จึงขอให้ทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนการทำงาน ทุกคนมีเกียรติยศมีศักดิ์ศรีมีตัวตน จะทำอย่างไรให้ประชาชนทุกคนเป็นกลุ่มเป็นพวกสนับสนุนการเดินหน้าประเทศไทย ตนเป็นคนอ่านทุกอัน วันไหนถ้าตนไม่มีงานนอก ก็มีงานอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ตนไม่เคยออกจากทำเนียบรัฐบาลไปที่อื่น ใช้เวลาอ่านหนังสือ อ่านเอกสาร อ่านรายงาน ไม่อย่างนั้นตนพูดไม่ได้หรอก บางทีเขาเขียนมาตนก็เปลี่ยนไม่ใช่เขาเขียนไม่ดี แต่บางทีมันไม่เร้าใจ ซึ่งบางครั้งเร้าใจก็มีเรื่องเหมือนกัน บางทีตนไม่อยากให้ทุกคนง่วง พอเริ่มง่วงตนก็เริ่มคิดอะไรแปลกๆมา แล้วก็เป็นประเด็นทุกที ตนต้องการให้ทุกคนมีความสุขในการฟัง ในการประชุมแค่นั้น ไม่ได้ไปว่าใคร เพราะความขัดแย้งมันสูงอยู่แล้ว ว่าใครยิ่งไปกันใหญ่ “แต่มีหลายคนหาเรื่องคุ้ยอยู่ตลอด จับทุกประเด็นพูดผิดคำหนึ่งก็เอาแล้ว อย่างกับหายใจผิด มันใช่หรอ วันนี้เราต้องลดความขัดแย้งในสังคมให้ได้ ไม่ใช่เอาน้ำสาดมา แล้วเอาน้ำสาดกลับก็เปียกทั้งคู่ เราให้เขาสาดฝ่ายเดียวไหวไหมล่ะ สังคมจะได้แยกแยะออกสักทีว่าใครทำดีใครทำไม่ดี เหรียญมีสองด้าน จะต้องเป็นเหรียญดีทั้งสองด้าน อีกด้านหนึ่งดี อีกด้านหนึ่งไม่ดี ก็ไปไม่ได้แล้ว ประเทศไทยต้องเป็นเหรียญที่ดีทั้งสองด้าน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว