เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 ก.ย. 62 นายวีรัส ประเศรษโฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้รับแจ้งจากพ.ต.ท.ชิณโชติ โชติศิริ สวป.สภ.จอมบึง จ.ราชบุรี ว่าขณะนี้ได้ทำการตรวจสอบรถบรรทุกสิบล้อที่บรรทุกถังสารเคมี ที่คาดว่าน่าจะเข้าข่ายเป็นสารอันตราย ที่บริเวณถนนสายน้ำพุ-ปากบึง หมู่ 8 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมนายไพฑูรย์ ปัตตนา นายกอบต.น้ำพุ เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกสิบล้อ มีตู้ทึบที่ด้านหลัง ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน 88-8905 นครปฐม ภายในตู้ทึบพบถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร บรรจุอยู่ 96 ถัง ตรวจสอบภายในถังพบว่ามีของเหลวคล้ายกับสีน้ำมันไหลออกมา เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมจึงทำการเก็บตัวอย่างไปทำการพิสูจน์ว่าเป็นสารอะไร และมีอันตรายหรือไม่ ด้านเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ทำการตรวจสอบใบอนุญาตขนส่งจากนายณภัทร พิมพ์แก้ว อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 2 ต.วัดโมกข์ อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ซึ่งเป็นคนขับรถก็บอกว่าทางบริษัทไม่ได้ให้ ทางเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.จอมบึง ได้ทำการตรวจยึดรถไว้ก่อนและจะไปทำการลงบันประจำวันไว้ด้วย และจากการสอบถามนายณภัทร คนขับรถบรรทุกสิบคันดังกล่าวก็บอกว่า ตนเป็นลูกจ้างของบริษัทแห่งหนึ่งในอ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งได้สั่งให้นำถังดังกล่าวมาส่งให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบริเวณที่ถูกจับ เพื่อนำมากำจัด โดยไม่ทราบว่าบริษัทดังกล่าวนั้นศาลมีคำสั่งให้หยุดดำเนินกิจการไปนานแล้ว และในถังที่บรรทุกมาคิดว่าเป็นถังที่ไม่ได้ใส่อะไร แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ลองเอียงถังดู จึงพบว่ามีสารเคมีที่เป็นของเหลวไหลออกมาส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสารดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายเป็นสารเคมีอันตราย จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบพร้อมกับนำตัวนายณภัทร ไปสอบสวนที่สภ.จอมบึง เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตขนส่ง ซึ่งถ้าผลการตรวจสอบออกมาแล้วว่าเป็นสารอันตรายก็จะต้องข้อกล่าวหากับทางโรงงานต้นทางที่ส่งมาด้วย