"เชาว์"อัดทีม"ธรรมมนัส"เบี่ยงประเด็นยกพรบ.ล้างมลทินชำระโทษออสซี่ ชี้ลบล้างคดีต่างประเทศไม่ได้ สุดสังเวชมือกฎหมายอ้างหลักกม.ผิดหวังอุ้มรมต.จี้ตอบติดคุกกี่ปี-ข้อหาอะไร เกิดคำฮิตติดปาก"ผู้เสพตาย ผู้ขายเป็นรัฐมนตรี" บี้"บิ๊กตู่"รับผิดชอบ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.นายเชาว์ มีขวด ทนายอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟสบุ๊ก Chao Meekhuad หัวข้อ ต่อมจริยธรรมจางหาย นักกฎหมายไขสือ มีเนื้อหาว่า ได้ติดตามข่าวการออกมาเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริงของคณะทำงานด้านกฎหมายของร.อ.ธรรมนัส แล้วเห็นว่ายังคงอยู่ในประเด็นเดิมๆไม่ใช่ประเด็นของปัญหา เพราะเรื่องที่สังคมอยากรู้คือร.อ.ธรรมนัสติดคุกที่ออสเตเลียจริงหรือไม่ข้อหาอะไร โทษจำคุกกี่ปี น่าเสียดายที่ท่านและทีมงานไม่ชี้แจงประเด็นนี้ แต่กลับชี้แจงในเรื่องที่ไม่ใช่แก่นของปัญหาด้วยการอ้างถึงเหตุการณ์หลังพ้นโทษตามคำพิพากษาของศาลออสเตรเลีย ว่าได้รับอานิสงส์จากพ.ร.บ.ล้างมลทิน ทำให้ได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง ซึ่ง ถือเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น ยิ่งไปกว่านั้นการนำพ.ร .บ.ล้างมลทินมากล่าวอ้าง เพื่อล้างความผิดจากการรับโทษตามคำพิพากษาของศาลออสเตรเลีย ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะใช้กับโทษหรือกระทำความผิดในประเทศไทยเท่านั้น ไม่สามารถบังคับใช้กับกฎหมายต่างประเทศได้ ดังนั้นความผิดหรือโทษตามคำพิพากษาของศาลออสเตรเลีย จึงยังคงอยู่ไม่สามารถลบล้างได้ นายเชาว์ กล่าวว่า ในฐานะนักกฎหมายผมรู้สึกสังเวชใจ ที่มีความพยายามอ้างกฎหมายกันแบบผิดๆ โดยก่อนหน้านี้มือกฎหมาย อย่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯออกมาบอกว่าร.อ.ธรรมนัส มีคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ และทีมงานของร.อ.ธรรมนัสยังอ้างพ.ร.บ.ล้างมลทินอีก ถือเป็นการเล่นตลกทางกฎหมาย ที่สำคัญหลักการของ พ.ร.บ.ล้างมลทินเป็นการล้างแค่โทษ ไม่ได้ล้างความผิดและพฤติกรรมในอดีตของจำเลยแต่อย่างใด “การที่ออกมาขู่ว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับทุกคนที่วิจารณ์ตัวเอง ผมไม่คิดว่าจะปิดปากคนที่ต้องการเห็นมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองได้ ตำแหน่งส.ส.หรือรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสาธารณะย่อมถูกตรวจสอบ และวิพากษ์วิจารณ์ได้ภายใต้หลักสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ให้สอดคล้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) ที่บัญญัติห้ามมิให้ผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่าเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงที่ตีปี๊บให้ประชาชนช่วยลงประชามติ ต้องการได้คนสุจริตที่ไม่เคยมีมลทินเท่านั้นเข้ามาทำงานการเมืองบริหารประเทศ ความคลุมเครือทั้งหมดจึงอยู่ที่ร.อ.ธรรมนัสเอง ที่ไม่นำหลักฐานมาพิสูจน์ความจริง ซึ่งผมขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า มลทินของร.อ.ธรรมนัส คือความมัวหมองของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และนายกรัฐมนตรีจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เนื่องจากไม่เคยแสดงให้เห็นว่า ต้องการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จนเกิดคำล้อเลียนกันสนุกปากเกี่ยวกับยาเสพติดในขณะนี้ ว่า คนเสพ ตาย คนขายเป็นรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคำแสลงหูทีไม่อยากได้ยินในบ้านนี้เมืองนี้เลยครับ”นายเชาว์ กล่าวทิ้งท้าย