"บิ๊กตู่"ย้ำไม่ได้นิ่งนอนใจแก้ปัญหาน้ำท่วม ลั่นให้ความสำคัญทุกพื้นที่ ย้อนคนเสนอนู้นนี่นายหญิงเก่ายังไม่เอากลับมาฟังตัวเองสมัยเป็นผบ.ทบ. ยันรบ.นี้ไม่ตูดขาด ซัดไม่เคยสงบปากสงบคำในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้ เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2562 โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีผู้ที่ได้รับรางวัล ซึ่งถือเป็นรางวัลที่ทรงเกียรติแสดงถึงความสร้างสรรค์และพากเพียร และการพัฒนาคุณภาพโดยคำนึงถึงผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการดูแลแรงงาน ขณะที่รัฐบาลก็มีการปรับปรุงเรื่องสิทธิประโยชน์ในการประกอบธุรกิจ อีกทั้งรัฐบาลก็ได้ดำเนินการควบคู่ไปด้วยทั้งในเรื่องอีอีซีและพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆ แม้จะช้าแต่เราได้เริ่มต้นไปแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ประเทศมีปัญหาหลายอย่างทั้งสื่อและโซเชียลนับว่าเป็นอันตรายพอสมควรในการบริหารราชการแผ่นดินและการเดินหน้าประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งหลายอย่างในอนาคต แต่ทุกอย่างตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ และสิ่งสำคัญในช่วงนี้มีปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งตนไม่ได้นิ่งนอนใจตั้งแต่ก่อนเกิดอุทกภัยตนก็ใส่ใจ และให้ความสำคัญมาตลอด ดังนั้นขอให้ย้อนกลับไปดูว่าตนได้สั่งการอะไรลงไปบ้างในการเตรียมการ แต่เนื่องจากพายุเข้าและมีปริมาณน้ำฝนเกินที่เราจะรับได้ ดังนั้นขณะนี้เราจะทำอย่างไรให้คนที่ประสบอุทกภัยอยู่ได้ จึงต้องจัดอาหาร ที่อยู่อาศัยให้ทั้งคนและสัตว์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ต้องอดทนในการดูแลสุขภาพและอนามัย เพราะอยู่ในช่วงการเยียวยาที่รัฐบาลมีมาตรการอยู่แล้ว ซึ่งมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยมีงบประมาณและงบฯฉุกเฉินลงไปในพื้นที่อยู่แล้ว และงบประมาณที่จะลงตามไปทีหลังในการเยียวยาที่อยู่อาศัย ผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงดูแลเรื่องที่ดินทำกินและการเกษตรซึ่งมีอยู่แล้วทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลต้องดูว่าสิ่งที่ให้ไปแล้วเพียงพอหรือไม่ หากไม่เพียงพอก็จะนำไปหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป ดังนั้นขออย่าทำให้ทุกอย่างสับสนอลหม่านไปหมด ยืนยันว่านายกฯ ให้ความสำคัญทุกอัน จะเห็นได้ว่า 5 ปีที่ผ่านมามีโครงการต่างๆลงไปในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของใครก็ตาม รัฐบาลนี้ทำให้ทั้งหมด ดังนั้นอย่าทำให้คนไม่เข้าใจเรามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่เป็นธรรมต่อรัฐบาล "การลงพื้นที่ผมก็ไปมาหมดแล้ว ที่ผมต้องไปใต้ก็เพราะติดตามโครงการที่อนุมัติลงไปหลายพันและหลายหมื่นล้านบาทในการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่จ.นครศรีธรรมราชว่าไปถึงไหนแล้ว เพราะเดี๋ยวฝนก็เลื่อนลงไปตกที่ภาคใต้ ผมจึงต้องไปดูเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในพื้นที่ภาคใต้ ไปดูระบบระบายน้ำให้เสร็จเร็วขึ้น นั่นคือหน้าที่ของนายกฯ ดังนั้นหน้าที่ของรัฐมนตรีและส.ส. ก็ต้องลงไปช่วยกันทำข้างล่างจะไปแจกของหรือจะทำอะไรก็ไป รัฐบาลมีหน้าที่ในการดูแลคนทุกคน ทุกครัวเรือน ไม่ใช่ไปเป็นพื้นที่ ไปจังหวัดนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่ดูจังหวัดอื่น สิ่งที่พูดวันนี้คือต้องการสร้างการรับรู้ใหม่ๆขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่เหมือนเดิมก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรขึ้นมา ผมไม่ได้โมโหใคร พยายามจะเข้าใจว่าเขาพยายามทำและพูดไปเพื่ออะไรว่ะคนเรา ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ถ้าผมเป็นเขาก็คงไม่ทำแบบนั้น" นายกฯ กล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องน้ำท่วมถือเป็นเรื่องสำคัญที่ตนต้องพูดในวันนี้ ซึ่งนักข่าวก็ถามแต่ชาวบ้านว่าน้ำท่วมเป็นยังไงลำบากหรือไม่ จะไปถามเรื่องนี้ทำไม สื่อไม่มีคำถามที่ดีกว่านี้อีกแล้วหรืออย่างไร แทนที่จะบอกกับชาวบ้านว่ารู้แล้วว่าทุกคนลำบากแต่รัฐบาลก็กำลังดูแลอยู่ แต่สื่อไม่เคยช่วยเรื่องเหล่านี้เลยจริงๆ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จะมีการเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จึงขอให้ร่วมบริจาคกันด้วย ตนหวังเห็นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่ใช่พูดว่ารัฐบาลไม่มีเงิน แต่ในส่วนนี้รัฐบาลจะเก็บไว้ให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนในส่วนที่ไม่สามารถใช้เงินของรัฐบาลได้ เพราะเงินรัฐบาลไม่สามารถใช้ได้ทุกเรื่อง "หลายท่านก็เคยอยู่ในรัฐบาลมาก่อน ผมก็ไม่เข้าใจว่าที่เขามาเรียกร้องนั้น หมายความว่าอย่างไร สมัยก่อนเขาก็เป็นรัฐบาล แล้วผมก็ไม่เห็นว่าคนที่ออกมาพูดในวันนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีคนก่อนจะฟังคุณเท่าไหร่เลย อยู่รัฐบาลเดียวกันด้วยนิ น้ำท่วมเมื่อครั้งนั้น ผมก็อยู่ด้วย เห็นมาเสนอนู่นเสนอนี่ นายกฯท่านก่อนก็ไม่เอาตามนั้น บอกให้เอาตามผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)ซึ่งสมัยนั้นผมก็เป็นผบ.ทบ.อยู่ก็ได้ไปช่วยน้ำท่วม แล้ววันนี้มาพูดนู้น พูดนี่กับผมมันน่าเบื่อหน่าย"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ทั้งนี้ในช่วงท้าย นายกฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกันบริษัทขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็กมีรายได้เท่าไหร่และเสียภาษีจำนวนเท่าไหร่ ประชาชนยังไม่รู้เรื่องนี้ ตนพยายามพูดหลายครั้งแล้วว่าทั้งภาษีบุคคล ภาษีนิติบุคคลและภาษีสรรพากร สรุปว่าแตะไม่ได้เลยสักอย่าง แล้วบอกว่ารัฐบาลไม่มีเงินและก้นขาด แต่ประเทศไทยมีเงินกองทุนสำรอง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐถือเป็นอันดับต้นๆของโลก รัฐบาลนี้ไม่เคยทำให้น้อยลงมีแต่ทำให้มากขึ้นทุกวัน จนบางครั้งทำให้เงินบาทแข็งขึ้น ซึ่งไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยแม้กระทั่งรัฐบาลก่อนก็ไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เพราะไม่เคยทำและไม่เคยสนใจ สนใจแต่จะให้และเล่นงานคนอื่นจนเป็นนิสัยอยู่แบบนี้ ไม่เคยสงบปากสงบคำในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้ จากนั้นนายกฯ ได้เดินชมนิทรรศการและผลงานที่ได้รับรางวัลพร้อมถ่ายภาพร่วมกับผู้ประกอบการเพื่อเป็นที่ระลึก