วันที่ 15 ก.ย.62 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ,พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ป.ว่าที่ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก 5 บก.ป., พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์ รองผกก.5 บก.ป., พ.ต.ต.นิธิ ตรีสุวรรณ สว.กก.5 บก.ป., ร.ต.ท.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์ รอง สว.กก.5 บก.ป.แถลงผลการจับกุมตัว น.ส.นาถลดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ชาว ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 2757/2561 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ซึ่งต้องหาว่า “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ปลอมและใช้ดวงตราหรือรอยตราของทบวงการเมือง ขององค์การสาธารณะ หรือของเจ้าพนักงาน” การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.60 ได้มีเอกสารจากสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 ส่งมาที่บ้านพักของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แจ้งว่าให้ พล.อ.สุรยุทธ์ ส่งคืนแผ่นป้ายทะเบียนรถ และนำใบคู่มือจดทะเบียนรถของรถยนต์ยี่ห้อ FIAT สีเขียว ทะเบียน ฆย 1013 กทม. มาบันทึกการระงับทะเบียนรถ เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าว ได้ค้างชำระภาษีติดต่อการครบ 3 ปี ทำให้การจดทะเบียนรถเป็นอันระงับไปตามกฎหมาย แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ มิได้เป็นเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว จึงประสานขอตรวจสอบเอกสารจากกรมการขนส่งทางบก พบว่าการจดทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว มีการปลอมแปลงลายมือชื่อของ พล.อ.สุรยุทธ์ ในหนังสือมอบอำนาจ อีกทั้งยังปลอมแปลงบัตรประจำตัวองคมนตรี และสำเนาทะเบียนบ้าน เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน จนทราบว่าผู้ปลอมแปลงและนำเอกสารดังกล่าวไปยื่นจดทะเบียนรถยนต์ คือ น.ส.นาถลดา ผู้ต้องหา พนักงานสอบสวน จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลอาญาที่ 2757/2561 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ในข้อหาว่า “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ปลอมและใช้ดวงตราหรือรอยตราของทบวงการเมืองขององค์การสาธารณะ หรือของเจ้าพนักงาน” จากนั้นจึงสืบสวนติดตามผู้ต้องหารายนี้จนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ต่อมาเมื่อเวลา 23.40 น.วันที่ 13 ก.ย.62 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้พบ น.ส.นาถลดา ผู้ต้องหาอยู่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแสดงหมายจับให้ดูและอ่านจนเข้าใจดีแล้ว ก็รับว่าตนเองเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวและไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีตามหมายจับดังกล่าวนี้มาก่อน จึงจับกุมตัวและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่รับว่าปัจจุบันผู้ต้องหาประกอบอาชีพรับจ้าง เป็นตัวแทนจดทะเบียนรถกับกรมการขนส่งทางบก อีกทั้งจากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกง และความผิดเกี่ยวกับการใช้เช็ค รวม 6 ครั้ง จึงเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง หากผู้เสียหายรายใดเคยถูกผู้ต้องหาก่อเหตุปลอมแปลงเอกสารในลักษณะดังกล่าว สามารถประสานข้อมูลได้ที่ กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบราม หรือ สน.บางซื่อ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป