บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์นี้ (16 - 20 ก.ย. 2562) คงมีเรื่องที่ต้องให้ติดตาม ทั้งปัจจัยภายนอกประเทศ และปัจจัยภายในประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯค่อนข้างจะคล้อยตามไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในเอเชียเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนในประเทศจะมีการซื้อ-ขาย ค่อนช้างมาก ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ จะไม่ค่อยทำการซื้อ-ขายมากนัก ทั้งนี้ปัจจัยในประเทศที่ต้องจับตามองในสัปดาห์นี้ "ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ" ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในวันที่ 18 ก.ย. 62 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี กรณีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นแคนดิเดทนายกฯ ขณะที่ปัจจัยภายนอกประเทศติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 ก.ย. ที่มองว่าเป็นแรงหนุนตลาด แต่หากตลาดจะขึ้นแรงก็ต้องดูว่าเฟดจะมีเซอร์ไพรส์จากที่คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีลุ้นเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาในภูมิภาค ทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ เนื่องจากในส่วนของไทยยังเข้ามาช้า โดยมีสัญญาณเข้าซื้อ (long) ในตลลาด Futures ติดต่อกัน 11 วัน รวม 8.6 หมื่นสัญญา และขาย (shot)วานนี้ 1 พันสัญญา ทำให้มีความหวังว่าหากเฟดปรับลดอกเบี้ยครั้งนี้และมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามา และการเข้าซื้อต่อเนื่องในตลาด Futures เป็นสัญญาณกลับเข้ามาในตลาดหุ้นตามมา สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์หน้าพร้อมให้แนวรับ 1,650 และ1,640 จุด ส่วนแนวต้าน 1,675 และ1,690 จุด ด้านรายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า ค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า(16-20 ก.ย.2562)คาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 30.20-30.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจสำคัญที่ตลาดรอติดตาม น่าจะอยู่ที่ผลการประชุมเฟด ตลอดจนผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น ประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน สถานการณ์ เบร็กซิท และข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนส.ค. รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ