เมื่อวันเสาร์นี้ 14 ก.ย. 2562 เวล 09.30 น. ณ หอประชุมโรงเรียนจันทรุเบกษานุสรณ์ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐตรีและรมว.กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ร้อยเอ็ดพบเกษตรกรพร้อมประขุมชี้แจงนโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยการต้อนรับของ นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชกาจังหวัดร้อยเอ็ด และคณะ พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงพาณิชย์และคณะผู้บริหาร นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกกิตติมศักดิ์และคณะผู้บริหารสมาคมฯ ผู้อำนวยการโรงเรียนจันทรุเบกษาอนุสรณ์ เกษตรกร ผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เพื่อสร้างความเข้าใจโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้ทันต่อโครงการ นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดกล่าวต้อนรับว่า.-จังหวัดร้อยเอ็ดมี 20 อำเภอมีประชากร 1,307,208 คน มีพื้นที่ทำการเกษตร 3,959,558 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกข้าวจำนวน 3,103,033 ไร่คิดเป็นร้อยละ78 ของพื้นที่ทำการเกษตร เศรษฐกิจของจังหวัดร้อยเอ็ดขึ้นอยู่กับภาคเกษตรกรรมโดยพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดร้อยเอ็ดได้แก่ข้าว อ้อยและมันสำปะหลัง ซึ่งข้าวที่เกษตรกรปลูกเป็นข้าวหอมมะลิ ซึ่งมีคุณภาพดีที่สุดในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ โดย จังหวัดร้อยเอ็ดมีพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้กว่า 986,000 ไร่คิดเป็นร้อยละ 46.8 ของพื้นที่ปลูกข้าวทุ่งกุลาร้องไห้ 5 จังหวัด รวม 2,107,690 ไร่ ซึ่งข้าวหอมมะลิของจังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ GI ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาจากกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์เมื่อปี 2550 จังหวัดร้อยเอ็ดถือเป็นเมืองหลวงของข้าวหอมมะลิโลก จึงได้มีการกำหนดการจัดงาน มหกรรมข้าวหอมมะลิโลก คือ การตลาดและนวัตกรรมนำการผลิต เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของจังหวัดร้อยเอ็ดในการเป็นเมืองหลวงข้าวหอมมะลิโลก และยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าการส่งเสริมให้เกษตรกรพัฒนา ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ด้วยนวัตกรรมในการลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตด้วยการแปรรูปเป็นสินค้าต่างๆ ที่หลากหลายทั้งอาหารและเวชสำอาง อันจะช่วยเสริมสร้างแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดร้อยเอ็ดอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า.-ในนามของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเยี่ยมเยือนพี่น้องชาวจังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ยโสธร สุรินทร์และศรีสะเกษ ที่สละเวลาฝ่าสายน้ำ มาร่วมประชุมกันในวันนี้ นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติหรือนอนขอได้มีมติเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562/63 รอบที่ 1 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอเป็นวงเงินงบประมาณ 21,495.74 ล้านบาท และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวภายในวงเงินงบประมาณดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะสามารถติดต่อขอขึ้นทะเบียนเพื่อใช้สิทธิ์ในรอบที่ 1 นี้ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการผ่านสำนักงาน ธกส.ในด้านชนิดข้าวราคาและปริมาณประกันรายได้ อาทิข้าวเปลือกหอมมะลิราคาประกัน 15,000 บาทต่อตันครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน,ข้าวเปลือกเหนียวราคาประกันรายได้ 12,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ระยะเวลาดำเนินการการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2562/63 ที่ รอบที้1 ปลูกข้าวระหว่าง 1 เมษายนถึง 31 ตุลาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้เป็น 16 มิถุนายน 2562 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2563 โดยมีขั้นตอนและวิธีการเป็นระบบชัดเจนตรวจสอบได้,ได้บูรณาการหน่วยงานกำกับดูแลใกล้ชิดโปร่งใสเป็นธรรมได้แก่ กรมการค้าภายใน,ธกสกรมส่งเสริมการเกษตร,การจ่ายเงินเกษตรสหกรณ์ธกสจะโอนเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงช่วงระยะเวลาที่กำหนดภายใน 3 วัน โดยผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายประกันรายได้เกษตรกร ผู้ปลูกข้าวจะช่วยสร้างความมั่นคง และมั่นใจในอนาคต ช่วยลดความเสี่ยงด้านราคาให้แก่เกษตรกร ไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ในขณะเดียวกันก็ไม่บิดเบือนหรือทำลายกลไกตลาด ทำให้ข้าวไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก จึงขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรผู้ประกอบการและสื่อมวลชนช่วยกันเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้แพร่หลายเพื่อให้เกษตรกรได้รับข้อมูลครบถ้วนเข้าใจและเข้าถึงสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับอย่างทั่วถึงด้วย /สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด