เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2562 พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย ผกก.สส.บก.น.2 พร้อมด้วย ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ได้เข้าจับกุม นายบดินทร์ภัสทร์ หรือเอส กลิ่นเกลี้ยง อายุ 41 ปีผู้ต้องหาในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด 9 มม.เครื่องกระสุน 6 นัด โดยจับกุมได้ภายในบ้านย่านแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กทม. สำหรับสาเหตุของการเข้าจับกุม เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตำรวจได้สืบทราบว่านายบดินทร์ภัสมร์ ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยที่บ้านเลขที่ดังกล่าว จึงเข้าตรวจค้น พบนายโชติวรรธน์ แสดงตัวเป็นเจ้าบ้าน โดยตำรวจได้แสดงหมายจับพร้อมหมายค้น โดยจากการตรวจค้นพบนายบดินทร์ภัทร์ อยู่ในภายในบ้านหลังดังกล่าว และรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวมาสอบสวน ทั้งนี้จากการสอบสวนนายบดินทร์ภัทร์ ให้การว่า เมื่อช่วงเดือนก.ค. ปี 2560 ได้ร่วมกับพวกก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์ ลักทรัพย์สินของผู้เสียหายไป โดยหลังก่อเหตุมีเพื่อนร่วมแก๊ง จำนวน 3 คนได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย ตามจับกุมตัวได้ ส่วนตนหลบหนีได้และออกตระเวนก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์อีก ส่วนเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนพร้อมพวกได้ก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.2 ที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลสายไหม ได้ทรัพย์สินจำนวนหนึ่งและอาวุธปืน 1 กระบอก และวันที่ 4 ก.ย.ได้ก่อเหตุอีกในพื้นที่ สภ.ปากคลองรังสิต และ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ขณะที่หลังก่อเหตุได้ขับขี่จยย.มาแถวย่านดอนเมือง กระทั่งพบเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านมา เพื่อนร่วมแก๊งจึงถูกตำรวจจับกุมได้ 2 คน ส่วนตนหลบหนีไปได้ และมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพัก จนถูกเจ้าหน้าที่ตามมาจับกุมในครั้งนี้ สำหรับ นายบดินทร์ภัสทร์ หรือเอส กลิ่นเกลี้ยง มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า เป็นหลานชายของนักแสดงดาวร้ายรุ่นใหญ่ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติ เอส กลิ่นเกลี้ยง พบว่าเคยต้องโทษคดีลักทรัพย์ คดียาเสพติดมาหลายคดี หลายท้องที่และยังมีหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 352/2560 ลง 15 ก.ค.2560 โดยกล่าวหา"ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์นั้นโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 2 คนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม