เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 13 ก.ย. ร.ต.อ.วีระวัฒน์ ไพรบึง รอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุยิงกันตายภายในบ้าน บนถนนอนามัยงามเจริญ ซอย 10 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.ท่าข้าม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียว โดยแบ่งเป็นห้องพักสำหรับครอบครัวใหญ่ จำนวน 11 ห้อง จากการตรวจสอบบริเวณห้องพักห้องแรก พบศพ น.ส.ฐานิดา หรือ “เก๋” ภูแข็ง อายุ 37 ปี อาชีพแม่ค้าขายลูกชิ้นปิ้ง สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีม่วง คลุมทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีเขียว นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกโม่ไม่ทราบขนาด เข้าที่เหนือคิ้วขวา 1 นัด นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ชื่อ น.ส.ธันย์ชนก หรือ “แบม” อุปพงษ์ อายุ 19 ปี บุตรสาวผู้ตาย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่ลำคอ 1 นัด และลำตัว 1 นัด อาการสาหัส เบื้องต้นถูกนำส่ง รพ.บางมด ให้แพทย์ทำการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งนี้จากการสอบสวน น.ส.มันตา ภูแข็ง อายุ 33 ปี น้องสาวผู้ตาย ให้การว่า ผู้ก่อเหตุรายนี้คือ นายจักรกฤษณ์ หรือ “เอ้” แย้มเสม อายุ 37 ปี สามีตนซึ่งประกอบอาชีพทำธุรกิจคาร์แคร์อยู่ในปั๊มแก๊สริมถนนพระราม 2 ก่อนหน้านี้ตนและสามีพักอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้ สน.ท่าข้าม แต่ระยะหลังตนมีปากเสียงกับสามีเรื่องที่สามีระแวงว่าตนจะไปมีคนอื่น จึงตีตัวออกห่างมานอนพักกับพี่สาวและญาติๆ ที่บ้านหลังนี้ จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ นายจักรกฤษณ์ สามีตนเดินทางมาตามง้อตนทำให้เกิดมีปากเสียงกันอีกรอบ จนพี่สาวตนทนไม่ไหวต้องออกมารับหน้าและเถียงแทนตน แล้วเหตุการณ์เกิดเริ่มบานปลายเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายใช้วาจาขึ้นมึงกู และนายจักรกฤษณ์ ชักอาวุธปืนลูกโม่ที่เตรียมมาด้วยยิงใส่พี่สาวตนทันทีจนล้มคว่ำ พร้อมกันนี้ยังหันปากกระบอกปืนส่ายไปในบ้านที่มีญาติๆ ของตนอยู่หลายคน ยิงออกมาอีกหลายนัดจนหมดโม่ กระสุนถูกหลานสาวตนซึ่งเป็นลูกสาวผู้ตายได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ นายจักรกฤษณ์ จะวิ่งไปสตาร์ทรถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีดำ 8กภ-2645 กทม.ขับหลบหนีออกไปทางถนนพระราม 2 ด้าน พ.ต.อ.ธีระ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องหึงหวง และจากการตรวจสอบประวัติ นายจักรกฤษณ์ ผู้ต้องหารายนี้พบว่า เพิ่งเคยถูกจับข้อหาเสพยาบ้าในพื้นที่ สน.ท่าข้าม ซึ่งหลังจากนี้จะสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งรัดตรวจสอบกล้องวงจรปิด หาเส้นทางหลบหนี และเร่งกดดันติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดีด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์อุกอาจและมีอาวุธปืนติดตัว