จากกรณีที่รัฐบาลออกมาประกาศความตั้งใจที่จะให้บุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นสินค้าผิดกฎหมาย นั้น นายพงศธร อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เทรดดิ้ง (ไทยเเลนด์) จำกัด เสนอให้มีการศึกษาข้อเท็จจริงและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไร้ควัน “เราเชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขชุดใหม่จะได้พิจารณาทบทวนผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของผลิตภัณฑ์ทางเลือกซึ่งรวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ไร้ควัน ซึ่งน่าจะเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ในประเทศไทยได้” “ประเทศไทยกำลังเสียโอกาสนำเสนอทางเลือกที่อาจจะเป็นอันตรายน้อยกว่าแก่ผู้สูบบุหรี่ไทย 10.7 ล้านคน ขณะนี้ ผู้สูบบุหรี่ที่ตัดสินใจสูบบุหรี่ต่อไปไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องถูกบังคับให้บริโภคสินค้าที่เป็นอันตรายต่อไป ผลิตภัณฑ์ไร้ควันแม้จะไม่ได้ปราศจากความเสี่ยงทั้งหมดและทำให้ติดได้ แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้สูบบุหรี่ผู้ใหญ่ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์นิโคตินต่อไป “หลังจากการแบนบุหรี่ไฟฟ้าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราได้เห็นผลกระทบมากมาย เช่น การรีดไถจับกุมผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว รัฐบาลสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษี และการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า และการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนผ่านช่องทางออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย การยกเลิกแบนและควบคุมผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างถูกกฎหมายจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว และเป็นโอกาสของรัฐบาลในการบริหารงบประมาณด้านสาธารณสุขเพื่อการดูแลผู้ป่วยจากการสูบบุหรี่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” พงศธร อังศุสิงห์  “เราเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนที่ไม่อยากได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่ คือ การไม่เริ่มสูบ และสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่อยู่แล้วคือการเลิก แต่ในความเป็นจริง ยังมีผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยถึง 10.7 ล้านคนที่ไม่ประสงค์จะเลิก หรือรู้สึกว่าเลิกยาก พวกเราเหล่านั้นควรได้ใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ดีกว่าการสูบบุหรี่ หลังจากที่รัฐบาลออกมาให้ความเห็นว่าจะยังคงแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป ประชาชนจำนวนมากต่างแสดงความคิดเห็นทางช่องทางโซเชียลมีเดียเรียกร้องให้มีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ไร้ควันบนหลักพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ “ปัจจุบัน มีการนำเสนอข้อมูลที่คาดเคลื่อนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไร้ควันซึ่งสร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคม ผลการศึกษาใน 13 ประเทศ (อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล เดนมาร์ค เยอรมนี ฮ่องกง อิสราเอล อิตาลี ญี่ปุ่น แมกซิโก รัสเซีย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา) ชี้ว่า มีเพียง 55% ของผู้สูบบุหรี่ผู้ใหญ่ระบุว่าพวกเขามีข้อมูลผลิตภัณฑ์ไร้ควันเพียงพอในการตัดสินใจ ผลการสำรวจยังชี้ว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 7 ใน 10 คน (หรือประมาณ 68%) ต้องการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อช่วยในการตัดสินใจ” นายพงศธรเผยถึงผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของพีเอ็มไอ ซึ่งทำการศึกษาโดยโพวาโด บริษัทระดับโลกด้านการวิจัยการตลาด “เราเชื่อว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะพูดคุยบนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กับอุตสาหกรรมยาสูบและเราอยากเชิญชวนรัฐบาลให้พิจารณาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไร้ควันของพีเอ็มไอ การอนุญาตให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไร้ควัน โดยมีการกำกับดูแลด้วยกฎหมายอย่างเหมาะสม น่าจะเป็นส่วนเสริมมาตรการสาธารณสุขในการคุ้มครองชีวิตคนไทยให้ได้ผลยิ่งขึ้น”