วันที่ 13 ก.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำหนดนัดไต่สวนพยานคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ยังเป็นการไต่สวนพยานฝั่งของอัยการสูงสุด โจทก์ แต่ปรากฏว่าวันนี้ (13 ก.ย.) นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงศ์เรืองรอง อายุ 56 ปี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย จำเลยที่ 10 ไม่ได้เดินทางมาศาลเพื่อร่วมกระบวนพิจารณา ซึ่งทนายความก็ไม่สามารถติดต่อจำเลยได้ ศาลฎีกาฯ จึงเห็นว่าจำเลยมีพฤติการณ์น่าจะหลบหนี จึงให้ออกหมายจับเพื่อนำตัวกลับมาสู่กระบวนพิจารณาต่อไป โดยสั่งปรับนายประกันด้วยเต็มจำนวน วงเงินประกัน 5 ล้านบาท จากกรณีดังกล่าว เมื่อผู้สื่อข่าวได้ติดต่อนายธำรงค์ หลักแดน ทนายความของนายอริสมันต์ ก็ระบุว่าวันนี้นายอริสมันต์ไม่ได้เดินทางมาที่ศาลฎีกาฯ ซึ่งโดยปกติก็จะนัดหมายมาพบกันที่ศาล ต่างเดินทางกันมาเอง ตนก็ไม่ทราบว่านายอริสมันต์ไปไหน เมื่อวันนี้ไม่สามารถติดต่อและตามตัวนายอริสมันต์ให้มาศาลได้ จึงถูกออกหมายจับและปรับนายประกัน ทั้งนี้ นายธำรงค์ยังระบุถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีบ้านเอื้ออาทรในส่วนของนายอริสมันต์ว่า แม้ศาลจะมีคำสั่งให้ออกหมายจับ แต่ไม่ได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี (การพักพิจารณาคดีไว้ชั่วคราว) เนื่องจากตามกฎหมายใหม่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 (วิ อม.) ได้บัญญัติให้อำนาจศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่มีตัวจำเลย (ลับหลังจำเลย) ต่อไปได้ ซึ่งตนก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายความรักษาสิทธิของนายอริสมันต์ จำเลย ในการต่อสู้คดีได้ต่อไป เพียงแต่ถ้าไม่มีตัวนายอริสมันต์อยู่ จำเลยเองก็จะเสียสิทธิในการเข้าให้การต่อศาล แต่ก็ไม่กระทบต่อรูปคดีมาก เพราะตนในฐานะทนายความที่ได้รับการแต่งตั้งจากตัวความก็ยังนำพยานอื่นเพื่อให้ศาลไต่สวนได้ ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนหน้านี้นายอริสมันต์ไม่ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีบุกล้มการประชุมอาเซียน จากการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2552 ซึ่งมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยพิพากษาแก้ให้จำคุก 12 แกนนำและแนวร่วม นปช. เป็นเวลา 4 ปี และให้ออกหมายจับนายอริสมันต์มาฟังคำพิพากษาต่อไปในวันที่ 31 ต.ค. นี้ ซึ่งหากในวันดังกล่าวยังไม่สามารถติดตามตัวนายอริสมันต์มาได้ ศาลก็สามารถที่จะใช้ดุลพินิจอ่านคำพิพากษาลับหลังได้ สำหรับคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร เป็นคดีหมายเลขดำ อม.42/2561 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อายุ 62 ปี อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยุครัฐบาลทักษิณ 2 พรรคเพื่อไทย, นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการปี 2548–2549, นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย, นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่, นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงศ์เรืองรอง อายุ56 ปี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย และกลุ่มเอกชน รวม 14 ราย เป็นจำเลยที่ 1-14 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157, ฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 , 11 และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 91