ชาวบ้านเมากลอย ถูกหามส่งโรงพยาบาลนับสิบราย หลังช่วยกันทำข้าวต้มมัดถวายพระในงานบุญข้าวสาก แพทย์เตือน กลอยมีสารพิษจริง และอันตรายถึงชีวิต เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 13 ก.ย 2562 ที่ รพ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น นพ.ชัยณรงค์ ศิลปษา นายแพทย์ปฏิบัติการ รพ.มัญจาครี พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน กรณีที่มีชาวบ้านเมากอย แล้วเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ตั้งแต่ช่วงค่ำจนถึงดึก ซึ่งมีชาวบ้านในพื้นที่ ทยอยเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลรวม 14 ราย ซึ่งทุกคนต่างก็มีอาการคล้ายกันคือ เวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย คลื่นไส้ อาเจียน คันคอ จึงได้ให้ยาแก้วิงเวียน และยาแก้อาการคลื่นไส้ พักรักษาตัวในรพ.ไม่นาน เมื่ออาการดีขึ้นก็ให้กลับบ้าน “จากการสอบถามผู้ป่วยที่เข้ามารักษาตัว ต่างก็ตอบตรงกันว่ากินกลอย ซึ่งเป็นหัวมันชนิดหนึ่ง ที่นิยมนำมาทำขนมคลุก และข้ามต้มกลอยรับประทานกัน ซึ่งในช่วง งานบุญข้าวสากชาวบ้านจะนิยมนำมาทำข้าวต้มไปถวายพระที่วัด เมื่อทำเสร็จชาวบ้านก็จะรับประทานกันในครอบครัว ซึ่งเมื่อรับประทานเข้าไป ก็เกิดอาการคลื่นไส้ วิงเวียน คันคอ และอาเจียน หรืออาการเมากลอย จึงพากันมาที่โรงพยาบาลซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าชาวบ้านเมากลอยจริงๆ เพราะกลอยมีสารพิษที่ชื่อว่าสาร ไดออสโครีน (Dioscorine) ทำลายระบบประสาทในร่างกาย หากรับสารเข้าไปในปริมาณมาก ก็อาจถึงเสียชีวิตได้ แต่ชาวบ้านที่มาที่โรงพยาบาลส่วนใหญ่ได้รับพิษน้อย อาจจะเป็นเพราะขั้นตอนการแปรรูปที่ไม่ถูกวิธี ทำให้สารที่อยู่สนกลอยหลงเหลืออยู่ เมื่อชาวบ้านที่ซื้อมารับประทานจึงได้รับสารนั้นเข้าไปในร่างกายจนเกิดอาการเมากลอยขึ้นได้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เลิกรับประทาน เพื่อจะไม่เกิดโทษในร่างกาย หรือควรจะทำให้สารพิษในกลอยออกไปหมดก่อนจึงนำมารับประทานได้” ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านขาม ม.5 ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เพื่อพบกับชาวบ้านที่รับประทานข้าวต้มกลอยแล้วเกิดอาการเมา โดยพบกับนายจันทร์ สุอินตะ อายุ 77 ปีและนายไพผล ชมพูโคตร อายุ 63 ปี ทั้งสองอยู่ใยสภาพอิดโรย นายจันทร์ กล่าวว่า ประเพณีบุญข้าวสากของชาวอีสานนั้นจะขาดกลอยไม่ได้ เพราะกลอยเป็นพืชที่เสมือนมัน รับประทานแทนข้าวได้ จึงเป็นสิ่งของจะเป็นที่ต้องนำมาประกอบอาหารเช่นขนมคลุกหรือข้าวต้มกลอย เพื่อนำไปถวายพระสงฆ์ สวดอุทิศส่วนกุศลส่งให้บรรพบุรุษได้รับประทานกัน ทั้งนี้ก่อนจะมีอากาเมากลอยนั้น ที่บ้านของนายไพผล ทำข้าวต้มกลอย จึงมานั่งชิมด้วยหมดไป1 ห่อ จากนั้นก็เกิดอาการเมา วินศีรษะ อาเจียน คันคอ คันตามร่างกาย จึงรู้ว่าตัวเองเมากลอย จึงล้วงคออาเจียนเอาข้ามต้มกลอยออกมาจนหมด และรับประทานยาแก้วิงเวียน จนมีอาการดีขึ้น และไม่ไปโรงพยาบาบ ด้านนายไพผล กล่าวว่า ประเพณีบุญข้าวสาก ขาดกลอยไม่ได้ จึงได้ไปซื้อมาทำข้าวต้มกลอย ซึ่งกลอยที่ซื้อมานั้น ยังเป็นกลอยดิบ หั่นเป็นชิ้นบางๆแช่ในน้ำ ซื้อมาก็ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายครั้งและห่อเป็นข้าวต้ม นึ่งจนสุก ก็นำมาแจกเพื่อนบ้านรับประทาน และเกิดอาการเมากลอยขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา เมื่อถึงงานบุญข้าวสากก็ซื้อกลอยมาทำขนม แต่ก็ไม่เคยเกิดปัญหา กระทั่งปีนี้เกิดปัญหาขึ้น เกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะเมากลอย โดยส่วนตัวคิดว่า เกิดจากพ่อค้า แม่ค้า ทำกลอยไม่สะอาด เอาสารพิษออกไม่หมด จึงเกิดพิษจากสารในกลอยได้