เมื่อวันที่ 13 ก.ย.62 นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำคณะกรรมการฯ เข้าพบกับนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เพื่อนำเสนอมุมมองและข้อเสนอแนะของภาคเอกชนต่อการผลักดันเศรษฐกิจของประทศ สำหรับข้อเสนอแนะประกอบด้วย 1.การส่งเสริมการท่องเที่ยว เสนอให้มีการจัดตั้งจุดรับคืนภาษีในเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Downtown VAT Refund) เป็นแบบถาวร และออกมาตรการทางภาษีสำหรับการปรับปรุงโรงแรมและห้องพักเก่า (Renovate) เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว 2.การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ขอให้ขับเคลื่อนและพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ NSW (National Single Window) อย่างสมบูรณ์ โดยมีกรมศุลกากรทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลัก และขอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) เป็นเจ้าภาพในการดำเนินงาน 3.เร่งออกระเบียบปฏิบัติ ตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีการเตรียมความพร้อมก่อนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป 4.การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวี อาทิ ด้านการถ่ายลำและผ่านแดน เพื่อให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็น ASEAN GATEWAY การพิจารณามาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจพาณิชยนาวี วงเงิน 18,000 ล้านบาท ให้มีผลในทางปฏิบัติอีกครั้งหนึ่ง และขอให้กรมศุลกากรร่วมกับภาคเอกชน โดยหอการค้าไทยศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ในการพิจารณาอนุญาตใช้ตู้คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศมาขนส่งในประเทศ นอกจากนั้นขอให้กรมสรรพากรเชิญผู้แทนจากหอการค้าไทยและสภาหอการค้าฯ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมให้ความเห็นต่อการปรับปรุงประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 105) เรื่อง กำหนดประเภท หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข กรณีการให้บริการที่กระทำในราชอาณาจักรฯ เพื่อให้มีความชัดเจนและปฏิบัติได้จริง พร้อมทั้งขอให้แจ้งแนวปฏิบัติด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศตามสัญญาแบบ Time Charter Party ให้ภาคเอกชนได้รับทราบ เพื่อสร้างความเข้าใจต่อแนวปฏิบัติที่ชัดเจนร่วมกัน รวมถึงขอให้กรมสรรพากรศึกษารายละเอียดและแนวปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพิจารณาภาษีสำหรับเรือ Super Yacht ต่างชาติ เพื่อบรรเทาผลกระทบกรณีที่ผู้ประกอบการจะต้องรับภาระต้นทุนระหว่างการขอคืนภาษี 5.การสนับสนุนงบประมาณดำเนินมาตรการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้กรมบัญชีกลางดำเนินโครงการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในปี 2563 อาทิ โครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) โครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Construction Sector Transparency Initiative : CoST) 6.การร่วมแก้ไขปัญหาจากการจัดเก็บภาษีและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค โดยขอให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน (กกร.ร่วมกับกระทรวงการคลัง) 7.การส่งเสริมการค้าชายแดนและข้ามแดนเสนอให้กรมศุลกากรพิจารณาขยายเวลาเปิด-ปิดด่าน ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับรถขนส่งสินค้าและแก้ปัญหารถแออัดบริเวณหน้าด่านชายแดน ประกอบด้วย ด่านช่องสะงำ (ศรีษะเกษ),ด่านสะพานข้ามแม่น้ำแม่สาย (เชียงราย),ด่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 (ตาก),ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 (หนองคาย),ด่านมุกดาหาร (มุกดาหาร),ด่านช่องเม็ก (อุบลราชธานี),ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม) และด่านท่าลี่ (เลย) ทั้งนี้คณะกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนรัฐบาล เพื่อทำให้นโยบายต่างๆสามารถขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์โดยรวมต่อประชาชน สังคม เศรษฐกิจ และประเทศชาติต่อไป