"เฉลิมชัย" ยืนยัน 1 ต.ค. เริ่มประกันรายได้ ชาวสวนยางพารา 60 บาทต่อ กก. เล็งผลักดันใช้ยางในประเทศ เงินสินเชื่อ แก้ปัญหาระยะยาว นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาของ นายนริส ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง เมื่อวันที่ 11 ก.ย.62 เกี่ยวกับกรณีการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำว่า มีสาเหตุมาจากอัตราการใช้ยางพาราในประเทศที่มีสัดส่วนน้อยกว่าการส่งออก และการกำหนดราคาซึ่งมาจากตลาดต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถกำหนดราคายางได้เอง ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการแก้ปัญหาเบื้องต้นเพื่อพยุงราคายาง โดยจะเริ่มดำเนินการโครงการประกันรายได้ให้แก่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 นี้ โดยมีมาตรการที่กำหนดคือ ให้คนละไม่เกิน 25 ไร่ ต่อเกษตรกรพี่น้องชาวสวนยาง 1 ราย ยางที่จะประกันราคาคือ 1.ยางแผ่นคุณภาพดีประกันที่ราคา 60 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม 2.น้ำยางสด DRC 100% ประกันราคาที่ 57 บาท 3.ยางก้อนถ้วยซึ่งมี DRC 50% ประกันที่ราคา 23 บาท ทั้งนี้การกำหนดราคารับประกัน ทางเจ้าหน้าที่การยางแห่งประเทศไทยได้ใช้มาตรการคำนวณราคาต้นทุนต่างๆ และกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินงานในช่วงแรกเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางจะได้รับเงินประกันราคายางพารา 2 เดือนต่อหนึ่งครั้ง โดยงวดแรกจะเริ่มวันที่ 15 ธันวาคม เป็นต้นไป ทั้งนี้ เพื่อความโปร่งใส ได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 4 ชุดด้วยกัน เพื่อตรวจสอบและร่วมดำเนินการ ได้แก่ 1.คณะกรรมการบริหารโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งจะเป็นคณะกรรมการบริหารโครงการใหญ่ โดยมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน 2.คณะกรรมการราคากลางอ้างอิง ซึ่งคณะกรรมการนี้จะประกาศราคากลาง ที่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางจะได้ส่วนต่างจากการประกันรายได้ 3.คณะอนุกรรมการบริหารประกันรายได้เกษตรกรสวนยางระดับจังหวัด ซึ่งจะมีเกษตรและสหกรณ์จังหวัด เป็นประธาน มีส่วนราชการต่างๆ พี่น้องตัวแทนชาวสวนยาง ธ.ก.ส. ตัวแทนเกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด ประธานสภาเกษตร 4.คณะอนุกรรมการในส่วนระดับตำบล ซึ่งตรงนี้จะมีส่วนข้าราชการ ปลัดอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ตัวแทนการยาง ตัวแทนสวนยาง เพื่อมาตรวจสอบในการนำเสนอการรับเงินประกันรายได้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการเสริมให้ใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐ โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการไปทุกกระทรวงว่าสามารถจะนำยางพาราไปใช้ในงานราชการต่างๆ ได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการพูดคุยกับกระทรวงต่างๆ เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธรณสุข กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น ซึ่งกระทรวงต่างๆ เหล่านี้จะมาตัด Supply ของน้ำยางพาราออกจากตลาดได้ และยังมีโครงการหาวงเงินสินเชื่อของผู้ประกอบการผลิต เพื่อใช้ในการขยายกำลังผลิต เป็นวงกู้ที่จะประสานให้ 25,000 ล้าน โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นกองทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรที่รวบรวมยางพาราเป็นวงเงิน 10,000 ล้านบาท โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยางแห้ง ซึ่งตรงนี้จะหาเงินกู้ให้อีก 20,000 ล้านบาท