วันที่ 12 ก.ย.ที่ สตม.สวนพลู พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.ภ.7 ปฏิบัติราชการ สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ยศพนธ์ จรรยาสถิต รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี ปฏิบัติราชการ สตม., พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 พร้อมชุดสืบสวนตม.จว.ชลบุรี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมชิปปิ้ง ลักลอบส่งไม้หวงห้ามออกนอกประเทศ พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่าตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบ กวดขัน จับกุม การกระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุข ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน และทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติ ประกอบกับ เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.3 ได้สืบสวนขบวนการคนต่างด้าวลักลอบนำไม้หวงห้ามจำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้าประเทศไทยเพื่อส่งออกไปประเทศที่ 3 โดยเมื่อวันที่ 9 ก.ย.62 เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฯได้ร่วมกันตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งอยู่ภายใน บ.ซากามิไทย จำกัด ถ.บางนาตราด ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พบไม้แปรรูปอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวในลักษณะอำพรางโดยมีอิฐมวลเบาและกระสอบหินคลุกวางอยู่ด้านหน้าภายในตู้ ต่อมา วันที่ 10 ก.ย.62 จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรป่าไม้ สจป.ที่10 (ราชบุรี) รื้อตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบไม้แปรรูป ข้างต้น พบว่าเป็น ไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 45 แผ่น/เหลี่ยมโดยวัดคำนวณเป็นปริมาตรได้ 8.71 ลบ.ม.เมื่อไม้ดังกล่าวไปถึงประเทศปลายทางจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และได้มีนายตะวันฉาย อายุ 32 ปี รับว่าเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับตู้คอนเทรนเนอร์ จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าเจ้าของไม้คือ นายสัญชัย บุญศิริ เป็นผู้ว่าจ้างในการส่งออกตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว ซึ่งนายตะวันฉาย ฯ ทราบอยู่แล้วว่าภายในตู้นั้นมีไม้ประดู่บรรจุอยู่และไม่สามารถนำเอกสารอนุญาตการครอบครองใดๆมาแสดงต่อคณะเจ้าหน้าที่ได้ จึงร่วมกันทำการจับกุมนายตะวันฉาย โดยกล่าวหาว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ฐานมีไม้แปรรูปหวงห้ามไว้ในครอบครองเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ มาตรา 70 ฐานรับไว้ด้วยประการใดๆ ซ่อนเร้นจำหน่ายหรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้ที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่มีผู้ใดได้มาโดยการกระทำผิดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.3 ได้ทำการสืบสวนขยายผลทราบว่า ไม้แปรรูปดังกล่าวข้างต้น มีต้นทางมาจากจังหวัดอุดรธานี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ โกดัง เลขที่ 185 ม.11 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี จากการสืบสวนทราบว่ามีคนต่างด้าวเป็นเจ้าของ และจะทำการขยายผลหาตัวเจ้าของต่อไปผลการตรวจสอบพบไม้ประดู่ จำนวน 24 ท่อน,ไม้จามจุรี จำนวน 5 ท่อนเบื้องต้นยังไม่มีเอกสารมาแสดง จึงได้ร่วมกันทำการตรวจยึด ส่ง สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว